เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียเตือนในวันพุธ (2 มี.ค.) ว่าหากสงครามโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้น มันจะเกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์ และจะเป็นสงครามทำลายล้าง ตามรายงานของสำนักข่าวอาร์ไอเอ สื่อมวลชนแดนหมีขาว
ลาฟรอฟ บอกว่ารัสเซียซึ่งเปิดฉากโจมตียูเครนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเรียกมันว่าเป็นปฏฺิบัติการพิเศษทางทหาร จะเผชิญกับ “อันตรายอย่างแท้จริง” หากว่าเคียฟมีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง
สำนักข่าวอาร์ไอเอ อ้างคำกล่าวของ ลาฟรอฟ ในวันอังคาร (1 มี.ค.) บอกด้วยว่า มอสโก “ไม่สามารถยอมรับได้” หากประเทศยุโรปบางชาติถูกใช้เป็นฐานที่ตั้งอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ พร้อมกับเตือนว่าตะวันตกต้องไม่สร้างสิ่งปลูกสร้างทางทหารใดๆ ในบรรดาประเทศอดีตสหภาพโซเวียต
ระหว่างการประชุมปลดอาวุธในเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันอังคาร (1 มี.ค.) ลาฟรอฟระบุอีกว่ายูเครนกำลังหาทางครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมเรียกมันว่า “อันตรายอย่างแท้จริง” และทางรัสเซียจำเป็นต้องขัดขวาง
ในส่วนของรัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน กล่าวในที่ประชุมเดียวกัน กล่าวหารัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม ผ่านการยิงระเบิดถล่มประเทศของเขา และเรียกร้องขอประชุมวาระพิเศษ เพื่อจัดการกับประเด็นการรุกรานของรัสเซียและอาวุธทำลายล้างสูง
คำเตือนของลาฟรอฟมีขึ้น หลังจากเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.พ.) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงดำเนินการเพื่อให้กองกำลังด้านนิวเคลียร์ของรัสเซีย เข้าสู่ “กฎเกณฑ์พิเศษของการปฏิบัติหน้าที่สู้รบ” (special regime of combat duty) พร้อมกล่าวหาบรรดาชาติตะวันตกกำลังใช้ก้าวย่างที่ไม่เป็นมิตรกับประเทศของเขา ท่ามกลางปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
มอสโกมีคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก และสะสมขีปนาวุธแบบทิ้งตัวไว้จำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของกองกำลังป้องปรามของประเทศ
(ที่มา : อัลอาราบิยา)