ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #สภาวุ่นชัวร์ ! เด็กธนาธร ยืนตะเพิดประยุทธ์ ชูพวกตนเป็นนายก

#สภาวุ่นชัวร์ ! เด็กธนาธร ยืนตะเพิดประยุทธ์ ชูพวกตนเป็นนายก

20 October 2020
1118   0

วันนี้ ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล นำโดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค พร้อมด้วยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรค นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม และนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. ได้ร่วมกันแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกล ถึงข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อสถานการณ์การชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในปัจจุบัน
.
โดยนางสาวสุทธวรรณ ได้อ่านแถลงการณ์ระบุว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 เป็นต้นมา ได้เกิดการชุมนุมประท้วงของประชาชนจำนวนมาก ที่ไม่พอใจต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 ที่มีการตั้งคณะกรรมาธิการ เพื่อยื้อเวลาในการลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ออกไปอีก 30 วัน และปัจจุบัน ก็ยังได้ขยายเวลาของคณะกรรมาธิการนี้ออกไปอีก
.
ประชาชนจึงทราบโดยสิ้นข้อสงสัยแล้วว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาล ที่มุ่งสืบทอดอำนาจจากเผด็จการ โดยใช้รัฐธรรมนูญ 60 ส.ว. 250 คน และองค์กรอิสระ ที่มาจากกลไกการแต่งตั้งของ คสช. เป็นเครื่องมือในการค้ำจุนอำนาจของตน เพื่อให้ตน และพวกสามารถครอบงำ และปกครองประเทศ เอาไว้เพื่อประโยชน์ส่วนตน โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
.
เมื่อเกิดการประท้วงต่อต้านโดยประชาชน แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะสำนึกว่าตนเองกำลังหลงใหลมัวเมาในอำนาจ เสพติดความเป็นเผด็จการ และกำลังกระทำให้นิติรัฐของประเทศพังทลายลง กลับไม่เคยสำนึกผิดอะไรเลย หนำซ้ำยังใช้ความรุนแรงที่ขัดกับหลักสากล ในการสลายการชุมนุมของประชาชน และยังลุแก่อำนาจ
.
ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อย่างขาดสติ ใช้กฎหมายในการคุกคามประชาชนไม่จบไม่สิ้น ประกอบกับความไร้ประสิทธิภาพ และการไม่ใส่ใจในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ จนทำให้ปากท้องของประชาชน เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า สิ้นหวัง มองไม่ให้เห็นอนาคตของประเทศ
.
ณ บัดนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ได้หมดความชอบธรรมในการบริหารราชแผ่นดินแล้ว พรรคก้าวไกล จึงขอเสนอข้อเรียกร้อง ที่เป็นทางออกของประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อยุติความเสียหายทางสังคม และเศรษฐกิจของประเทศไปมากกว่านี้ ดังนี้

1. พล.อ.ประยุทธ์ ต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และปล่อยประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยทันที
.
2. พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายหลังจากยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
.
3. พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ต้องถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยไม่อยู่ภายใต้การครอบงำของวุฒิสภา
.
4. ต้องมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อให้รัฐสภาพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีสาระสำคัญ คือ การตั้ง ส.ส.ร. ที่มาจากประชาชน ยุติอำนาจของวุฒิสภา ในการเลือกนายกรัฐมนตรี และลงมติกฎหมายปฏิรูปประเทศ รวมถึงการออกแบบระบบการเลือกตั้ง ที่สะท้อนถึงความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกล ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลหยิบยกเอาประเด็น ในเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ มาใช้สร้างสถานการณ์ ยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความเกลียดชังในหมู่ประชาชน เพื่อให้รัฐบาลนำมาใช้เป็นเหตุในการใช้ความรุนแรงต่อประชาชน ผู้เห็นต่างทางการเมือง ชาติ คือ ประชาชน
.
จากนั้น ด้านนายรังสิมันต์ ได้ระบุถึงความเป็นไปได้ของช่องทางกฎหมาย ที่จะให้นายกรัฐมนตรีประกาศยุติการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงว่า ต้องยอมรับว่า ตัวกฎหมายนี้เป็นกฎหมายพิเศษ ที่ให้อำนาจฝ่ายบริหาร และเป็นกฎหมายที่ตัดเรื่องการตรวจสอบของศาลปกครอง
.
ทั้งนี้ ในอดีตเคยมีกรณี ที่ศาลแพ่งให้ความคุ้มครองม็อบกลุ่มหนึ่ง ซึ่งดูเสมือนว่าศาลสามารถเข้ามาดูได้ แต่ปัญหาทางกฎหมายไม่สามารถตอบได้ว่า กรณีแบบนี้ ถ้าจะลองยื่นไปจะสามารถทำได้ หรือไม่ ต้องยอมรับว่าม็อบสมัยนั้น กลับม็อบสมัยนี้ ไม่เหมือนกัน เพราะมีสาระบางอย่างที่มีความแตกต่างกันอยู่
.
แต่คิดว่าการจะทดลองใช้กลไกของศาล เพื่อเข้าไปดูการใช้อำนาจตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถูกต้อง หรือไม่ ซึ่งตนคิดว่า ก็น่าลองดู อย่างน้อยเป็นโอกาสที่ดี จะได้มีการประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้ในระดับหนึ่ง
.
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า การประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในสถานการณ์ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า ในความเป็นจริงไม่มี หากไปดูจุดประสงค์ของกฎหมายฉบับนี้ ต้องเข้าข่ายกรณีก่อการร้าย มีภัยสงคราม เป็นเหตุการณ์ ที่อาจนำไปสู่ความเสียหายต่อการทรัพย์สิน และชีวิตของประชาชนจำนวน กรณีเช่นนี้จึงจะสามารถประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงได้
.
แต่รัฐบาลนี้อ้างถึงการชุมชนทางการเมืองว่า มีความรุนแรง ซึ่งเป็นความรุนแรงทางความคิด ไม่ได้เป็นความรุนแรงทางกายภาพ ซึ่งเป็นความคิดเรียกร้องต่อการปฏิรูปสถาบันต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลจะตอบสนองได้ หรือไม่ได้ ก็ควรจะใช้หนทางของการเจรจรา การไปใช้กฎหมายพิเศษ เพื่อจัดการกับการชุมนุม
.
ท้ายที่สุดจะไม่สร้างทางออกอะไรเลย นอกจากสร้างความขัดแย้ง สร้างความเจ็บปวดไปมากว่าเดิม ตนคิดนอกจากระบวนการทางศาลแล้ว ถ้ารัฐบาลสำนึก หรือตระหนักเรื่องนี้ได้ จึงคิดว่า รัฐบาลควรยกเลิก พ.ร.กฉุกเฉินนี้ ก็จะทำให้ประเทศเดินต่อไปได้
.
นอกจากนั้นพรรคก้าวไกล ได้มีการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย เสนอร่างพ.ร.บ.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้ามีการบรรจุวาระ และรัฐสภาหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ก็จะเป็นหนทางหนึ่งที่ให้อำนาจฝ่ายบริหาร แต่จะเพิ่มเติมการตรวจสอบถ่วงดุลโดยสภา เพราะก่อนที่จะประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องมาขอสภาว่าจะให้ประกาศ หรือไม่
.
ส่วน ด้านนายณัฐชา กล่าวว่า ขอเรียกร้องต่างๆ ของพรรคก้าวไกล ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา มุ่งมั่นติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม และข้อเสนอทางออกของประเทศของพรรคก้าวงไกลใกล้เคียงกัน สิ่งที่ทำได้ และตัดสินใจได้ทันทีนั้นคือ การลาออกของพล.อ.ประยุทธ์
.
ซึ่งก่อนหน้านี้ ข่าวที่ออกมาระบุว่าพล.อ.ประยุทธ์ ตอบหลังจากข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมเรื่องการลาออก แต่พล.อ.ประยุทธ์ กลับไม่ลาออก พร้อมคำถามพวงว่า ผิดอะไร นี่คือเครื่องยืนยันว่า เป็นการหลงระเริงในอำนาจกว่า 6 ปีที่ผ่านมา ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่า สถานการณ์ตอนนี้ตัวเองทำถูก หรือทำผิด มาถึงขนาดนี้ จนพี่น้องประชาชนออกมาเรียกร้องทั่วประเทศโดยไม่มีแกนนำ หรืออุปกรณ์ใดๆ แต่เรียกร้อง เพื่อหาทางออกให้ประเทศอย่างเดียว ฉะนั้นคิดว่าความจริงใจเท่านั้น ที่จะทำให้ข้อเรียกร้องของพรรคก้าวไกลเป็นจริงได้
.
ขณะที่นายวิโรจน์ กล่าวถึงการปิดกั้นสื่อว่า นี่คือปัญหาของการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ขัดต่อสิทธิเสรีภาพ และกรอบรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดเป็นการเติมฟืนลงในไฟ ตั้งแต่การสลายการชุมนุมที่ขัดต่อหลักสากล แม้รัฐบาลจะยืนยันว่า เป็นไปตามหลักสากล แต่จะเป็นไปตามนั้น หรือไม่ ต้องดูที่สากลให้การยอมรับ หรือไม่
.
ซึ่งวันนี้พิสูจน์แล้วว่า ยูเอ็น ก็ยืนยันว่า สิ่งที่รัฐบาลกระทำไม่ถูกต้อง และไม่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งขัดต่อหลักสากลโดยสิ้นเชิง และที่ผ่านมามีพฤติกรรมที่ย้อนแย้งหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการปิดกั้นสื่อ ซึ่งสถานการณ์ปกติในบรรยากาศประชาธิปไตยไม่อาจทำได้ อีกทั้งสมัยก่อนคราวที่พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้เคยพูดกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสมันนั้นว่า การประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยิ่งจะทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น
.
“ผมอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อปี 2557 นั่งไทม์แมชชีนมาเตือนพล.อ.ประยุทธ์ ปี 2563 ด้วย และอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ในปี 2557 มาเข้าฝันพล.อ.ประยุทธ์ ในปี 2563 เตือนสติเขาให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และสำนึกในโทษานุโทษของตัวเอง ลาออก และคืนสังคม เศรษฐกิจที่เป็นความหวังให้กับประชาชนได้แล้ว” นายวิโรจน์ กล่าว
.
นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลกล่าวหาว่า ตนอยู่เบื้องหลังจ้างวาน บงการม็อบ มีการจัดระเบียบตั้งแถวผู้ชุมนุม จึงอยากฝากถึงพรรคร่วมรัฐบาล ให้ไปดูตอนเขาซื้อบัตรคอนเสิร์ต แฟนมีตติ้ง หรือซื้อบัตรจับมือ มีการเตรียมร่ม เสื้อกันฝน และเอาเก้าอี้ไปด้วย พวกคุณล่าหลังกาละมังเต่าถุย อยากให้ไปดูคอนเสิร์ตเกาหลีบ้าง เลิกดูเถอะละครน้ำเน่า ตบจูบ มาดูซีรีย์เกาหลีสนุกๆ มาฟังเพลง Say Yes ดีกว่า

——————————-
แหล่งข่าว

https://www.naewna.com/politic/526262