‘สมศักดิ์เจียม’ เผย เรื่องที่รัฐบาลประยุทธ์ ตั้งกรรมการกลั่นกรอง คดีมาตรา 112 บอกตรงๆว่าเสียเวลา เพราะสมัยอภิสิทธิ์ ก็เคยมี แต่ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา พร้อมดึงสติ ‘อรรถวิชญ์ สุวรรณภักดี’ การเพิ่มบทลงโทษ ม.112 ให้เข้มข้นขึ้น มีขึ้นเพื่อปกป้องสิ่งที่ไม่ชอบธรรม
ตามที่ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่าวันนี้มีความคืบหน้าในทางออกที่ตนได้เสนอไว้ ตอนที่ดีเบต ‘ม.112’ กับคุณปิยบุตร เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 64 โดยระหว่างดีเบต ตนได้ย้ำหลายรอบถึงทางออกตลอดรายการว่า สถานการณ์อย่างนี้ ‘ม.112’ ไม่ควรแก้ไขอย่างยิ่ง โดยมีวิธีทำให้ชัดเจนได้ว่า กรณีใดเข้าข่ายผิดหรือไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งเคยปฏิบัติกันมาแล้วด้วย คือการตั้งกรรมการกลั่นกรองคดี ‘ม.112’ ถ้ากรณีไหนมีแนวปฏิบัติว่าไม่เข้าข่ายก็ปล่อยเลย อันไหนชัดเจนว่าเข้าข่ายก็ดำเนินคดีไป นั้น
.
ล่าสุด นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปัจจุบันเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าวว่า “คุณอรรถวิชช์ จากพรรคกล้า เอาเรื่องที่รัฐบาลตั้งกรรมการชุดหนึ่งเพื่อกลั่นกรองผู้ต้องหา 112 ก่อนตัดสินใจฟ้องหรือไม่ มาโฆษณาเสียใหญ่โต บอกตรงๆว่า เสียเวลาเปล่าครับ “คณะกรรมการ” แบบที่ว่าที่มีตั้งแต่สมัยอภิสิทธ์เป็นนายกฯ ก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมา
.
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ความจริงคุณอรรถวิชช์และใครต่อใครในพรรคกล้า (หรือประชาธิปัตย์) ควรตระหนักว่า กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนี้ ที่แก้ไขให้เข้มข้นขึ้น เกิดขึ้นหลังการโค่นอำนาจพรรคประชาธิปัตย์ มีขึ้นเพื่อปกป้องสิ่งที่ไม่ชอบธรรม สมควรยกเลิกเสีย แบบเดียวกับญี่ปุ่นที่ยกเลิกไป
.
“คุณอรรถวิชช์และใครต่อใครในพรรคกล้า (และประชาธิปัตย์) สมควรฟังและคิดให้ดี ถึงสิ่งที่คุณกษิต ภิรมย์พูดไว้เมื่อ 10 ปีก่อน และทำตัวให้สมกับชื่อพรรคของตน” นายสมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย