ความคืบหน้าอุบัติเหตุรถกระบะขับย้อนศรพุ่งชนคนที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลางสี่แยกเมืองพัทยา ได้รับบาดเจ็บกว่า 10 คน เสียชีวิตคาที่ 2 คน โดยหลังเกิดเหตุชายคนขับรถกระบะอ้างว่าสาเหตุเกิดจากอาการของโรคลมชักกำเริบขณะขับรถ ล่าสุดตำรวจส่งตัวชายดังกล่าวไปตรวจอย่างละเอียด พบว่ามีสารเสพติดในร่างกายขณะขับรถ
เช้านี้ที่หมอชิต – วงจรปิดบริเวณสี่แยกพัทยาใต้ จับภาพวินาทีระทึก ช่วงเช้าวานนี้ ขณะรถจักรยานยนต์กว่า 10 คัน กำลังขี่ผ่านแยก จู่ ๆ มีรถกระบะสีดำขับย้อนศรมาอย่างเร็ว ก่อนพุ่งชนกวาดเอาคนขี่รถจักรยานยนต์กระเด็นไปคนละทิศละทาง หลังเกิดเหตุมีซากรถจักรยานยนต์คันหนึ่งติดอยู่ด้านหน้ารถกระบะ จนไม่สามารถขับต่อไปได้ ชาวบ้านและผู้ที่สัญจรผ่านบริเวณนั้นส่วนหนึ่งรีบเข้าไปเคาะประตูรถกระบะ เรียกคนขับออกมา อีกส่วนวิ่งเข้าช่วยเหลือคนเจ็บที่นอนเกลื่อนถนน
เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 2 คน บาดเจ็บ 15 คน และยังมีลูกสุนัขตายในสภาพหัวขาดอีก 1 ตัว สร้างความตกใจแก่ผู้พบเห็นอย่างมาก
หลังเกิดเหตุ พลเมืองดีช่วยกันจับตัวคนขับรถกระบะไว้ได้ คือนายอัครเดช อุดมรัตน์ อายุ 44 ปี ก่อนที่ชาวบ้านและญาติคนเจ็บ จะพยายามเข้ารุมประชาทัณฑ์ด้วยความโมโห
ตำรวจสอบปากคำคนขับรถกระบะให้การอ้างว่าขณะเกิดเหตุไม่รู้สึกตัว เพราะเกิดอาการลมชักกำเริบ แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ พร้อมตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่ก็ไม่พบ ขัดแย้งกับคำบอกเล่าของพยาน ที่บอกตรงกันว่าได้กลิ่นสุราจากชายคนขับรถกระบะ และไม่พบอาการชักเกร็ง ทั้งยังมีพฤติกรรมหลบหนี
จากการตรวจสอบพบว่า นายอัครเดช มีประวัติรักษาโรคลมชักมาประมาณ 5 ปี ส่วนใบอนุญาตขับขี่มีมาก่อนเกิดโรคดังกล่าว
ล่าสุดตำรวจส่งตัวนายอัครเดชไปตรวจร่างกายอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล พบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย เมื่อสอบสวนเพิ่มเติมเขาสารภาพว่าเคยเสพยาจริง แต่วันเกิดเหตุปฏิเสธว่าไม่ได้เสพ เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 4 ข้อหาหนัก คือขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต, ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ, ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และขับรถในขณะเสพสารเสพติด พร้อมคัดค้านการประกันตัว
สำนักข่าววิหคนิวส์