ที่รัฐสภา น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงกรณีถูกหมายเรียกตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ข้อหาร่วมกันจัดกิจกรรมมีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในเขตควบคุมสูงสุดเข้มงวด จากการปราศรัยในเวทีม็อบสมรสเท่าเทียม ซึ่งพ.ร.ก.ฉบับนี้ประกาศในสถานการณ์ความรุนแรง และถูกต่ออายุมาเรื่อยๆ ทั้งที่รัฐบาลสามารถยกเลิก แล้วใช้พ.ร.บ.โรคติดต่อแทนได้ ตนเชื่อว่าครั้งนี้เป็นหมายการเมือง เพื่อข่มขู่ไม่ให้ ส.ส.ขึ้นเวทีปราศรับ และไม่ให้ประชาชนจัดชุมนุม เพื่อเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ
.
ที่สำคัญหมายฉบับนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากรัฐธรรมนูญ ม.125 หากจะออกหมายเรียกส.ส. เจ้าหน้าที่ต้องส่งไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้สภาทำการอนุมัติก่อน แต่เจ้าหน้าที่เลือกที่จะไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ส่งหมายเรียกมาโดยตรงทั้งที่ไม่อำนาจกระทำได้ ตนจึงจะนำเรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
.
ทั้งนี้ ตนไม่สามารถไปตามหมายเรียกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายได้ แต่จะยังไปตามวัน เวลา สถานที่ ตามหมายเรียก ในฐานะผู้สังเกตการณ์ และให้กำลังใจประชาชน ที่ออกมาต่อสู้เพื่อสมรสเท่าเทียม และไปเพื่อตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ในฐานะส.ส. เพื่อตรวจสอบว่าประชาชนได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่ ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ตนและพรรคก้าวไกล ขอยืนยันว่า เราจะผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างเต็มความสามารถ เพื่อไม่ให้การต่อสู้ของประชาชนนอกสภาฯต้องสูญเปล่า
.
ด้าน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าหมายพวกนี้ คือหมายการเมืองทั้งสิ้น ตนได้รับหมายเกี่ยวกับพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งสิ้น 14 หมาย ซึ่งในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะติดตามการชุมนุม ของคณะกมธ.การพัฒนาการเมืองฯ แต่เมื่อไปสังเกตการณ์ชุมนุมก็จะได้รับหมายเรียกทุกครั้ง ซึ่งเกือบ 100% ความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะใช้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลทั้งสิ้น ซึ่งการใช้กฎหมายแบบนี้ส่อในภาวะขาลงของรัฐบาลอย่างแท้จริง ตนไปสังเกตการณ์คาร์ม็อบก็ถูกตั้งข้อหาเป็นแกนนำจัดคาร์ม็อบ ถามว่าไปสังเกตการณ์แต่แจ้งข้อหาแบบนี้คืออะไร ทั้งที่ไปร่วมสังเกตการณ์
—————————–