ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ระบุข้อความว่า
วันนี้ เวลา 10.00 น.ที่สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวน สอบสวน และเอาผิดนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคก้าวไกล และในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร ฐานฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้อยแรง
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร และคณะ ได้จัดสัมมนาเรื่อง “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งของไทย” เมื่อวันที่ 29 ก.ย.65 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ ถ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี โดยให้ผู้บริหารสถานศึกษาต่าง ๆ ในจังหวัดนนทบุรีจัดส่งผู้แทนนักเรียน สภานักเรียน และอาจารย์ จำนวนสถานศึกษาละ 7 คน มาร่วมงาน แต่กลับมีการสอดไส้ให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งขณะนี้ตกเป็นจำเลยในคดีอาญา ในฐานความผิดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 อยู่
นอกจากนั้นนายธนาธร ยังเคยถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากความเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ ม.106(6) ประกอบมาตรา 98(3) และสั่งให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.92 วรรคหนึ่ง (3) และวรรคสอง ประกอบ ม.72 มาแล้วด้วย
ดังนั้น การที่นายณัฐชา ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล (ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่พรรคอนาคตใหม่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคมารวมอยู่ที่เดียวกันในพรรคใหม่ในนาม พรรคก้าวไกล) และในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ได้เชิญให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งตกเป็นจำเลยในคดีอาญา ม.112 มาบรรยายอันมีลักษณะการโน้มน้าวให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาร่วมยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา ม.112 อาจถือได้ว่า เป็นการส่อเจตนาที่จะกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ต้องห้ามตาม ม.92(1) ของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้อยแรง ตามมาตรฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดกว่า 9 ข้อด้วยกัน
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ใช้อำนาจตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ 2560 ม.234(1) ประกอบ พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 ม.28(1) เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนและเอาผิดตามครรลองของกฎหมายต่อไป อันเป็นการสอดคล้องกับการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ซึ่งมีความสำคัญในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และควบคุมการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ นั่นเอง นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด