ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ จะประชุมร่วมกับบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม และมีความเป็นไปได้ว่าจะมุ่งเน้นไปที่การเติบโตทางอำนาจของจีน หลังจากกำหนดการเดิมก่อนหน้านี้ในช่วงปลายเดือนมีนาคมถูกเลื่อนออกมา ท่ามกลางวิกฤตความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย จากการเปิดเผยของประเทศเจ้าภาพเมื่อวันเสาร์ (16 เม.ย.)
.
การประชุมครั้งนี้ซึ่งเดิมทีกำหนดไว้ในเดือนมีนาคม “จะพิสูจน์ถึงคำมั่นสัญญาของสหรัฐฯ ที่ให้คำรับประกันกับอาเซียน” เจน ซากิ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาวระบุในถ้อยแถลง “นี่เป็นความสำคัญสูงสุดสำหรับรัฐบาลไบเดน-แฮร์ริส ในการเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็ง และเชื่อถือได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ซากิ กล่าว
.
เธอบอกต่อว่า “ความปรารถนาที่แบ่งปันสำหรับภูมิภาคนี้จะปักหมุดต่อไปในคำมั่นของเราที่จะผลักดันอินโด-แปซิฟิกให้มีอิสระ เปิดกว้าง เชื่อมต่อ และยืดหยุ่น”
.
เดิมทีกำหนดการเดิมกำหนดไว้ในวันที่ 28 ถึง 29 มีนาคม ก่อนถูกเลื่อนออกมาโดยไม่ระบุวันเวลาใหม่ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีกำหนดวันเวลาใหม่ที่แน่ชัดแล้วคือ ในวันที่ 12 และ 13 พฤษภาคม
.
การประชุมถูกเลื่อนออกมาท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่า บรรดาผู้นำสมาชิกอาเซียนบางประเทศสับสนและไม่สะดวกในวันเวลาดังกล่าว เช่นเดียวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่หนักหน่วงขึ้น
.
สหรัฐฯ ระบุมาอย่างยาวนานว่าการกระชับความสัมพันธ์กับเอเชีย มีความสำคัญลำดับต้นๆ ในนโยบายต่างประเทศของพวกเขา
.
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ไบเดน เปิดทำเนียวขาวต้อนรับ ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ สมาชิกคนสำคัญของอาเซียน และบอกว่าเขาต้องการรับประกันว่าภูมิภาคแห่งนี้ยังคงเป็นภูมิภาคเสรีและเปิดกว้าง อ้างถึงสิ่งที่สหรัฐฯ มองว่าอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของจีนในการครอบงำเส้นทางการค้าระหว่างประเทศ
.
ก่อนหน้านี้ ไบเดน เคยร่วมประชุมทางไกลกับพวกผู้นำอาเซียนมาแล้วในเดือนตุลาคม
.
ในการประชุมคราวนั้น ซากิ เน้นในถ้อยแถลงว่า ไบเดน แจ้งถึงแนวคิดริเริ่มในการขยายความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียน ในประเด็นโควิด-19 ภาวโลกร้อน การเติบโตทางเศษรฐกิจ และอื่นๆ
.
การแข่งขันอันเข้มข้นกับจีน กลายเป็นหนึ่งในความท้าทายทางนโยบายต่างประเทศที่ใหญ่หลวงที่สุดของสหัฐฯ แม้ยังมีประเด็นอื่นๆ อย่างเช่นการถอนตัวด้วยความยุ่งเหยิงจากอัฟกานิสถานและยูเครน ต้องการความสนใจเร่งด่วนมากกว่าก็ตาม
.
สมาชิกอาเซียน ประกอบไปด้วย บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ซึ่งหลายชาติในนั้นกำลังมีความขัดแย้งกับจีนมากขึ้นเรื่อยๆ
.
ถ้อยแถลงของสหรัฐฯ ในวันเสาร์ (16 เม.ย.) ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าพวกผู้นำพม่าได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมหรือไม่ หลังรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวหาพวกผู้นำทหารพม่าว่า “กำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชนกลุ่มน้อยโรฮิงญา
——————————-