สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินมาตรการพิเศษเพื่อหวังหยุดยั้งวิกฤติธนาคารที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา ภายหลังจากได้มีคำสั่งปิดและอายัดทรัพย์สินธนาคารใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ หรือเอสวีบี ซึ่งเป็นธนาคารที่ส่งเสริมด้านธุรกิจสตาร์ทอัพ และธนาคารซิกเนเจอร์ ซึ่งเป็นธนาคารที่ทำธุรกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี หรือเงินดิจิทัล เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงการคลัง ธนาคารกลาง หรือเฟด และสถาบันคุ้มครองเงินฝากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือเอฟดีไอซี ออกแถลงการณ์ร่วมกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น โดยระบุว่า ลูกค้าผู้ฝากเงินทั้งสองธนาคารจะได้รับความคุ้มครองทุกคน และยังจะสามารถเบิกถอนเงินได้ในวันจันทร์นี้ ตามเวลาในสหรัฐฯ ซึ่งยังรวมถึงเงินฝากที่เกินวงเงินคุ้มครอง 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราวกว่า 8.62 ล้านบาท) ด้วย
พร้อมกันนี้ ทางเฟด ก็ยังได้ประกาศโครงการสินเชื่อฉุกเฉินแบบครอบคลุมแก่ธนาคารพาณิชย์ เพื่อสกัดการขาดสภาพคล่องทางการเงินของธนาคาร หากประชาชนพากันมาถอนเงินจากธนาคารเป็นจำนวนมาก หรือแบงก์รัน (Bank run) ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบธนาคารและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม และโครงการนี้ก็จะช่วยให้ธนาคารมีเงินสดให้ลูกค้าเบิกถอนได้ ด้วยการนำพันธบัตร หรือบอนด์ ไปค้ำประกันการกู้ยืมจากเฟดไว้ก่อน โดยที่ทางธนาคารไม่ต้องขายบอนด์ในราคาขาดทุน
ทั้งนี้ บรรดามาตรพิเศษข้างต้น ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งความหวังว่า จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นในระบบธนาคารของสหรัฐฯ กลับขึ้นมาได้ จากผลกระทบที่ต้องมีคำสั่งปิดและอายัพทรัพย์ศินธนาคาร 2 แห่งดังกล่าว