มูลค่าการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของจีนลดต่ำกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทำให้การถือครองตราสารหนี้มีความน่าสนใจน้อยลง
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันจันทร์ (18 ก.ค.) ว่า มูลค่าการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของจีนทยอยลดลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปี 2021 โดยในเดือน พ.ค.ปีนี้ จีนถือครองพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันอยู่เพียง 980,800 ล้านดอลลาร์ ลดลงเกือบ 23,000 ล้านดอลลาร์จากเดือน เม.ย. และหายไปเกือบ 100,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
นี่ยังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน พ.ค. ปี 2010 ที่มูลค่าการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ของจีนต่ำกว่าระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์ และทำให้เวลานี้ “ญี่ปุ่น” กลายมาเป็นประเทศเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของอเมริกา ด้วยมูลค่าการถือครองพันธบัตร 1.212 ล้านล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ในช่วงหลังๆ มานี้ญี่ปุ่นก็ถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลงเรื่อยๆ เหมือนกัน โดยในช่วง 6 เดือนจากเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ถึงเดือน พ.ค. ปีนี้ ญี่ปุ่นถือครองน้อยลงไปเกือบๆ 116,000 ล้านดอลลาร์
สำหรับยอดหนี้สินแห่งชาติโดยรวมของสหรัฐฯ นั้นอยู่ในระดับเกินกว่า 30.4 ล้านล้านดอลลาร์เล็กน้อย ตามตัวเลข ณ เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา วอชิงตันเวลานี้กำลังพยายามต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งแรงจนอยู่ในระดับ 9.1% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 41 ปีที่ผ่านมา โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจในเดือนเดียวกัน ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เฟด ฟันด์ส เรตไป 0.75% แต่กลายเป็นชนวนทำให้เกิดเสียงเตือนถึงความเป็นไปได้ที่อเมริกาจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนั้น เฟดยังแสดงท่าทีจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกรอบในการประชุมครั้งต่อไปที่กำหนดจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ พวกนักวิเคราะห์ชี้ว่าปัจจัยสำคัญที่มีส่วนกระตุ้นให้จีนการถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ ลดลงคือการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อยับยั้งเงินเฟ้อนี่เอง รวมไปถึงการที่ปักกิ่งเองมีนโยบายกระจายการถือครองพันธบัตรให้มีความหลากหลายมากขึ้น
(ที่มา : CNBC, RT)