สหรัฐฯ อาจพยายามซื้อน้ำมันราคาถูกบางส่วนของรัสเซีย หลังมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของอียูผลักราคาเชื้อเพลิงสูงลิ่ว สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์รายงานโดยอ้างคำพูดของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งอเมริกาเมื่อวันพุธ (1 มิ.ย.)
สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ระบุว่า ประธานาธิบดีไบเดน หยิบยกความคิดนี้ขึ้นมาระหว่างพูดคุยกับสื่อมวลชน เกี่ยวกับแผนของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการจัดการกับปัญหาขาดแคลนนมผงดัดแปลงสำหรับทารก ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ในนั้นรวมถึงอาหารและเชื้อเพลิง
ไบเดน อ้างความดีความชอบสำหรับการฉุดรั้งไม่ให้ราคาก๊าซและน้ำมันในสหรัฐฯ พุ่งสูงไปมากกว่านี้ จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปัจจุบัน เขากล่าวโทษรัสเซียและปฏิบัติการทางทหารของมอสโกในยูเครน ต่อราคาอาหารและพลังงานที่พุ่งสูง และเผยว่ารัฐบาลของเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อจัดการปัญหาเหล่านี้
“ประเด็นที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ ยุโรปตัดสินใจว่าพวกเขาจะจำกัดการซื้อน้ำมันรัสเซียเพิ่มอีก” ไบเดนกล่าว อ้างถึงมาตรการคว่ำบาตรรอบ 6 ของอียูที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย
รัฐสมาชิกอียูบรรลุข้อตกลงหลายวันก่อน ในการแบนนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียบางส่วน พวกเขาต้องการลดซื้อน้ำมันรัสเซียลง 90% ในช่วงปลายปี แต่ ไบเดน พูดเป็นนัยว่าการสูญเสียตลาดยุโรปของรัสเซีย อาจเป็นโอกาสดีสำหรับสหรัฐฯ ตามรายงานของอาร์ทีนิวส์
“กำลังมีการพิจารณาต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งที่สามารถทำได้ บางทีอาจแม้กระทั่งซื้อน้ำมัน แต่ในราคาจำกัด เนื่องจากพวกเขาจำเป็นต้องขาย” อาร์ทีนิวส์อ้างคำกล่าวของไบเดน “รัสเซียมีความปรารถนาอย่างเหลือล้นที่จะขายมัน และพวกเขาจะขายในราคาต่ำมาก ต่ำกว่าราคาตลาดในตอนนี้”
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีรายนี้เตือนว่าจะไม่สามารถฉุดราคาเบนซินให้ลดต่ำลงในระยะเวลาอันใกล้ และสถานการณ์ด้านราคาอาหารก็คงไม่ต่างกัน
มอสโกไม่ให้ความสำคัญคำพูดของไบเดน โดยบอกว่าตลาดโลกจะปรับสมดุลด้วยตัวมันเอง แม้อียูกำหนดข้อจำกัดเล่นงานน้ำมันรัสเซีย “แน่นอนว่า รัสเซียจะไม่ขายอะไรโดยไม่ได้กำไร อุปสงค์อาจลดลงในที่หนึ่งๆ และที่อื่นๆ อาจเพิ่มขึ้น ห่วงโซ่อุปทานกำลังปรับทิศทาง ในขณะที่ฝ่ายต่างๆ กำลังหาเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับทำการค้า” ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลินกล่าวในวันพฤหัสบดี (2 มิ.ย.)
ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อคือความกังวลใหญ่หลวงที่สุดของประชาชนชาวสหรัฐฯ ผู้มีสิทธิออกเสียง พวกผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองคาดการณ์ว่าพรรคเดโมแครตของไบเดน อาจสูญเสียคะแนนเสียงไปอย่างมหาศาลในศึกเลือกตั้งกลางเทอมเดือนพฤศจิกายนนี้ จนกว่ารัฐบาลของเขาจะสามารถควบคุมราคาไม่ให้พุ่งสูงขึ้นในเร็ววัน
ทำเนียบขาวกล่าวโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปที่รัสเซีย และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ต่อปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น แม้กระทั่งใช้คำนิยามว่า “การขึ้นราคาของปูติน” ในการอธิบายครอบครัวคนทำงานชาวสหรัฐฯ ว่าทำไมพวกเขาถึงเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นในแต่ละเดือน
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงคือราคาอาหารและพลังงานเริ่มเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ก่อนรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์แล้ว โดยมีประเด็นความวุ่นวายเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานอันสืบเนื่องจากโรคระบาดใหญ่โควิด-19 เป็นปัจจัยหลัก และมอสโกระบุว่า วอชิงตันเล่นโกงกล่าวโทษเพื่อให้ประชาชนเพิกเฉยต่อต้นตอของปัญหาต่างๆ ในนั้นบางส่วนเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเล่นงานรัสเซียที่นำโดยสหรัฐฯ
อนึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม สหรัฐฯ ประกาศห้ามนำเข้าน้ำมันทั้งหมดจากรัสเซีย รวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลวและถ่านหินด้วย
(ที่มา : อาร์ทีนิสว์)