จากกรณีเหตุการณ์ที่เมื่อวาน เวลา ประมาณ 08.00 น.หลังจากที่นักเรียนเคารพธงชาติเสร็จขณะที่กำลังจะเข้าชั้นเรียน โดยมีเพื่อนในชั้นเรียนพบว่าเด็กชาย บี (นามสมมุติ)อายุ 11ปี เป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่ 5/2 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง(เจียหมิน) ในเขตเทศบาลกบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้ปีนขึ้นไปนั่งอยู่บริเวณขอบหน้าต่างภายในห้องเรียนซึ่งอยู่ชั้น 2 ของอาคารภายในโรงเรียน ซึ่งเพื่อนในชั้นพยายามพูดคุยแต่เด็กชายบี ไม่ยอมลงมา เลยแจ้งกลับครูประจำชั้นให้ทราบ
หลังจากที่ครูประจำชั้น คือนายไพศาล มูลตรี ได้เข้ามาสอบถามจากเด็กชายบี ก็ไม่ตอบอะไรมากนอกจากคำว่า “ไม่” และได้กระโดดลงจากหน้าต่างลงไปเดินอยู่บนหลังคาบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ติดกับโรงเรียน และได้เดินออกไปเลี่อยๆ ซึ่งเกรงว่านักเรียนคนดังกล่าวจะได้รับอันตราย ซึ่งทางครูและ ผอ.โรงเรียน ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเจ้าหน้าที่ชำราญการ เข้าช่วยเหลือจนสามารถนำตัวนักเรียนลงมาได้ และได้นำตัวส่ง รพ.กบินทร์บุรี เพื่อให้แพทย์ดูอาการอย่างปลอดภัยแล้ว อย่างที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ในขณะที่วันนี้ (24 พ.ค.60) ทางด้าน นายวัลลภ ประวัติวงษ์ นายอำเภอกบินทร์บุรี ได้เดินทางไปเยี่ยมดูอาการของนักเรียนคนดังกล่าว ซึ่งยังอยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลกบินทร์บุรี โดยมีนางสาวสุวารี ศิลา เจ้าหน้าที่พยาบาลจิตเวชเด็กของโรงพยาบาล และ นางประทุม อุดทองคำ ย่าของนักเรียน พร้อมน้องสาวดูแลอย่างใกล้ชิด โดยอาการที่เห็นในวันนี้ร่าเริงแจ่มใส ผิดกับเมื่อวาน ซึ่งด้านนายอำเภอได้ให้กำลังใจน้อง และย่าร่วมถึงสอบถามรายละเอียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้านนายวัลลภ นายอำเภอกบินทร์บุรี กล่าวว่าสาเหตุ หลัก จากการพูดคุยกับนางประทุม ย่าของน้องนักเรียนทราบว่าสาเหตุแรกเลยหลานพูดให้ฟังว่า ไม่ชอบเรียนวิชาภาษาต่างประเทศ ครูเข้มงวด แต่การเรียนด้านอีกๆของน้องได้เกรด 3 เกือบทุกวิชา ซึ่งเรื่องนี้ตัวย่าเองรับปากว่าจะไปคุยกับครู แต่หลานบอกว่าไปคุยก็เท่านั้นอย่ากลับไปก็เป็นเหมือนเดิม ซึ่งเป็นปัญหาหนึ่ง
และด้วยตัวน้องนักเรียนเองมีปัญหาของเรื่องการปวดหัวบ่อยเป็นทุนเดิม เนื่องจากครั้งหนึ่งน้องนักเรียนเคยตกน้ำ ตรวจพบว่ามีน้ำในสมอง ซึ่งอยู่ในการดูแลของแพทย์ ประกอบกับไม่ชอบเรียนภาษาอังกฤษเลยเพิ่มความทวีคูณ อีกประการเรื่องของครอบครัวโดยพ่อแม่น้องแยกทางกันจะไปๆมาๆ หลังจากนั้นไม่นานแม่ก็มีสามีใหม่ และได้คลอดน้องออกมาอีกคน ซึ่งเรื่องนี้เป็นอีกประเด็นน้องนักเรียนคงได้รับฟังอะไรมาของน้องที่เพิ่งคลอดออกมา กลัวแม่และย่าจะหันไปรักน้องคนใหม่มากกว่าตัวเอง จึงเกิดอาการเครียด เลยกลายเป็นประเด็นก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นอย่างเมื่อวานนี้
ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อพูดมาถึงเรื่องของน้องคนใหม่แล้วน้องนักเรียนมีสีหน้าอาการเมเครียดอย่างเห็นได้ชัด เลยต้องเปลี่ยนเรื่องคุย ส่วนในการดูแลของทีมแพทย์ด้านจิตเวชเด็กนั้นช่วงนี้ยังต้องให้น้องอยู่ใกล้ชิดกับทีมแพทย์ซักระยะก่อน เพื่อเฝ้าดูอาการ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้คงต้องฝากถึงผู้ปกครองน้องนักเรียนพยายามอย่าให้มีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจน้อง พยายามพูดเล่นพูดคุยในเรื่องอื่น เพราะเนื่องจากเด็กในช่วงนี้เป็นช่วงที่กำลังจดจำ และน้อยใจ จากที่เคยได้กับไม่ได้หรือน้อยลง โดยเฉพาะความรัก ความเข้าใจ จากหนึ่ง สอง แต่มีสามเข้ามา ฉะนั้นผู้ปกครองต้องสร้างความเข้าใจกับน้อง ส่วนในเรื่องอื่นๆคงไม่มีปัญหา นายวัลลภ กล่าวทิ้งท้าย
สำนักข่าว vihoknews