14 พ.ค.64 – พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อตรวจเยี่ยม และติดตามผลการดำเนินงาน ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti Fake News Center) และการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตามกม.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่ห้องประชุม อาคาร 20 บมจ.ทีโอทีโดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ให้การต้อนรับ
โดยพล.อ.ประวิตร และคณะ ได้รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน จากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เรื่องการต่อต้านข่าวปลอม ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ,การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดตามพ.ร.บ..ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวมทั้งรับฟังการแก้ไขกม.และประกาศที่เกี่ยวข้อง เพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่กระจายของข่าวปลอม ซึ่งในภาพรวม มีข่าวปลอมในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และด้านสุขภาพ มากถึง 66% โดย ดีอีเอสกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ดำเนินการตามขั้นตอน และมีความคืบหน้าตามนโยบาย ที่เคยให้ไว้เมื่อครั้งมาตรวจเยี่ยมครั้งแรก ที่ผ่านมา อย่างน่าพอใจ
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวมอบนโยบายที่สำคัญ แก่ ดีอีเอส.,สตช.,ปอท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน สื่อสังคมออนไลน์ได้มีบทบาท ต่อการสร้างกระแสข่าวปลอม ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ความสับสน ความตระหนกในสังคม และส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการบริหารงาน ของรัฐบาลในช่วงวิกฤต โควิด-19 อยู่ในขณะนี้ ซึ่งรัฐบาลกำลังพยายามแก้ปัญหา เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ปลอดภัยจากโควิด-19 ควบคู่กับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ อย่างเต็มความสามารถ พล.อ.ประวิตร จึงได้กำชับ ให้หน่วยงานดังกล่าว จะต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน ในการเฝ้าระวังข่าวปลอม ตลอดเวลา และดำเนินการอย่างเร่งด่วน ในการตรวจสอบข่าวสารอันเป็นเท็จ และดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ แจ้งเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อข่าวปลอม และชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้อง ให้ประชาชนทราบโดยทั่วกันด้วย
หลังจากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทางไปยัง ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เพื่อดูการปฏิบัติงาน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกล่าวชื่นชมการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ด้วยความเสียสละ ทุ่มเท และอวยพรขอให้บรรลุภารกิจ รวมทั้งปลอดภัยจากโควิด-19 ครั้งนี้ไปด้วยกัน