วันนี้ (29 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้มีการอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 386/2563 ระหว่างฝ่ายโจทก์และโจทก์ร่วม คือพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น และนางลำดวน โคตรทุม และจำเลยคือ นายวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย ในฐานก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด โดยศาลอุทธรณ์ได้ยืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ประหารชีวิตนายนวัธ และให้ชดใช้ค่าปลงศพ 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5
สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2556 ได้มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายสุชาติ โคตรทุม ขณะดำรงตำแหน่งปลัด อบจ.ขอนแก่น เสียชีวิตที่หน้าบ้านพักในหมู่บ้านจอมพล อ.เมืองขอนแก่น ขณะจะออกจากบ้านไปทำงาน และต่อมาสามารถจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้ทั้งหมด 5 คน ซึ่งมี ด.ต.วีระศักดิ์ ชำนาญผล จำเลยที่ 1, พ.ต.ท.สมจิตร แก้วพรม จำเลยที่ 2, นายประพันธ์ ศรีพิลัย จำเลยที่ 3, นายบุญช่วย จูงกลาง จำเลยที่ 4 และนายปิยะพงษ์ มีกำบัง จำเลยที่ 5 และศาลได้พิพากษาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน ตัดสินประหารชีวิต พ.ต.ท.สมจิตร แก้วพรม จำเลยที่ 2 ตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ด.ต.วีระศักดิ์ ชำนาญผล นายประพันธ์ ศีรพิลัย นายบุญช่วย จูงกลาง จำเลยที่ 1, 3 และ 4 ส่วนนายปิยะพงษ์ มีกำบัง จำเลยที่ 5 ให้ยกฟ้อง
ระหว่างนั้นศาลจังหวัดขอนแก่นได้ออกหมายจับนายนวัธ เตาะเจริญสุข ในข้อหากระทำความผิดฐานจ้างวานผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลังมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายสุชาติ โคตรทุม และระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น นางลำดวน โคตรทุม ภรรยาของนายสุชาติ โคตรทุม ได้ขอเป็นโจทก์ร่วม และยื่นคำร้องบังคับขอให้จำเลยคือนายนวัธ เตาะเจริญสุข ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนค่าปลงศพ และค่าใช้จ่ายอันจำเป็น
โดยศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 ระบุว่า นายนวัธเป็นผู้ใช้ผู้อื่นฆ่าผู้ตายคือนายสุชาติ โดยไตร่ตรองไว้ก่อนจริง จึงมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบมาตรา 84 ลงโทษประหารชีวิต และให้จำเลยชดใช้ค่าปลงศพ 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นไป โดยต่อมานายนวัธได้ยื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์ภาค 4 ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ทั้งนี้ รายงานเพิ่มเติมแจ้งอีกว่า ทางฝ่ายจำเลย คือนายนวัธ จะมอบหมายให้ทนายความดำเนินการยื่นคำร้องขอต่อสู้คดีในศาลฎีกาต่อไป