นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวเรื่องนี้ว่า การที่ ป.ป.ช.ชี้มูลผู้บริหารระดับสูงของ พศ. ที่ถือเป็นตัวการหลักแล้ว อีกไม่นาน ป.ป.ช.คงชี้มูลผู้ที่ร่วมกระทำผิด หรือผู้ที่สนับสนุนการกระทำความผิดต่อเนื่อง ตามที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ได้แจ้งข้อกล่าวหาและได้ส่งข้อมูลไปให้ โดยมีพระสงฆ์รวมอยู่ด้วย ซึ่งคิดว่าจะมีการชี้มูลระลอกสองอีก ไม่ได้มีแค่นี้
“เชื่อว่าจะมีการขยายผลเพิ่มแน่นอน นอกจากอดีตผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้จะถูกชี้มูลในความผิดกรณีกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และทุจริตงบประมาณแผ่นดินแล้ว อาจถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินด้วย ซึ่งต้องติดตามต่อไป” นายไพบูลย์กล่าว
นายไพบูลย์ยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ. ลงนามในคำสั่งโยกย้ายผู้อำนวยการ พศ.จังหวัด และข้าราชการระดับสูงใน พศ. 2 ครั้ง จำนวน 27 ราย ว่าเป็นการโยกย้ายแบบสลับจังหวัด ซึ่ง พ.ต.ท.พงศ์พรอาจคงจะดูว่าจังหวัดไหนมีปัญหา จึงสลับออกมาก่อน เพื่อให้การตรวจสอบทำได้ง่ายขึ้น น่าจะเป็นการโยกย้ายในลักษณะที่ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ
ส่วนความคืบหน้าคดีวัดพระธรรมกายนั้น นายไพบูลย์กล่าวว่า คดีวัดพระธรรมกายตอนนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 คือการติดตามตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งยอมรับว่าถึงตรงนี้แล้วคงหาตัวยาก และส่วนที่ 2 คือกรณีพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายไปรับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ มาเป็นจำนวนเงิน 1.4 พันล้านบาท ทราบว่าอัยการได้ส่งเช็คกว่า 10 ฉบับ จากจำนวนทั้งหมดกว่า 500 ฉบับส่งฟ้องต่อศาลอาญาแล้ว ซึ่งในจำนวนนั้นมีเช็คที่พระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายได้รับด้วย โดยส่วนนี้เป็นการติดตามเอาทรัพย์คืน ซึ่งจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อนำเงินทั้งหมดคืนให้กับประชาชนที่ได้นำเงินไปฝากไว้ที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ.
http://www.thaipost.net/?q=node/38298
สำนักข่าววิหคนิวส์