วันนี้ (3 มี.ค.) ที่ สภ.เมืองนนทบุรี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 แถลงความคืบหน้าคดี น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม ดาราสาว พลัดตกจากเรือ จนจมแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต ท่ามกลางข้อสงสัยถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น จนนำมาสู่การสอบปากคำคนบนเรือทั้ง 5 คน พร้อมนำร่างแตงโมส่งไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ว่า หลังจากนายกรัฐมนตรี ห่วงใยคดีนี้ จึงกำชับสั่งการมาให้ทำคดีอย่างรอบคอบ ด้วยความโปร่งใส ตอนนี้สอบสวนไปแล้ว 29 ปาก เป็นพยานที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อม เรียกพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบอีก 8 ปาก ตอนนี้กำลังดำเนินการอยู่
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ยังกล่าวกรณีที่มีคำถามเรื่องเรือลำเกิดเหตุ โดยตั้งแต่คืนเกิดเหตุวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ตอน 5 ทุ่ม เจ้าหน้าที่ไปที่เกิดเหตุและไม่พบเรือ เจอเพียงเจ้าหน้าที่ออกตามหา จนถึงวันรุ่งขึ้นประมาณ 8 โมงเศษ ก่อนทราบว่า เรือที่แตงโมตกไปจอดที่อยู่อู่ตรงข้ามท่าน้ำนนท์ ตำรวจจึงไปที่อู่เอ็นบีซี พร้อม พฐ.และตรวจพิสูจน์เรืออย่างละเอียดตั้งแต่วันแรก
ต่อมาวันอังคารที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจซ้ำและนำเครื่องยนต์ รวมถึงใบพัดไปตรวจด้วย การตรวจของ พฐ.ไม่พบว่าเรือที่จอดอยู่ถูกทำลายหลักฐาน โดยตำรวจได้ยึดไว้เป็นของกลางตามกฎหมายตั้งแต่วันที่แตงโมตกลงมา ยืนยันตอนเกิดเหตุตำรวจรับแจ้งเพียงว่ามีคนตกน้ำ ยังไม่พบแตงโม ก่อนติดตามไฮโซปอและคนบนเรือทั้งหมด โดยทุกคนได้เดินทางมาพบตำรวจในวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่นำเรือลำเกิดเหตุไปทดสอบและใบพัดหลุดนั้น ก่อนหน้า พฐ.ให้ช่างถอดใบพัดเรือไปตรวจพิสูจน์ เจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานตามหลักนิติวิทยาศาสตร์แล้ว ก่อนขอ พฐ.จะนำเรือไปทดสอบ เจ้าหน้าที่จึงติดใบพัดและนำเรือลงน้ำ แต่ใบพัดเกิดหลุดและงมจนเจอแล้ว
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า กรณีที่นำเรือไปวิ่งทดสอบกับผู้ที่อยู่บนเรือทั้ง 5 คน โดยการนำแต่ละคนไปลงเรือในพื้นที่จริง เป็นการนำชี้ประกอบคำให้การ โดยผลการดำเนินได้รวมไว้ในสำนวนการสอบสวน ต่อมาวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้นำเรือลำจริงไปทดสอบ เพราะเรือมีจีพีเอสและสามารถดึงข้อมูลการวิ่งมาเทียบเคียงกับเวลาและความเร็ว การนำเรือจริงมาทดสอบ เพื่อยืนยันว่าระบบใช้งานได้จริง โดยตรงตามที่เจ้าหน้าที่ต้องการ พร้อมดูสภาพเรือและสภาพน้ำ การเลี้ยวการทรงตัว
เมื่อถามว่า ตอนทดสอบเรือมีการกระชาก ที่อาจทำให้แตงโมตกได้หรือไม่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า การทดลองจะอยู่บนพื้นฐานของพยานหลักฐาน ตอนนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนรายละเอียด ตามเส้นทางจีพีเอสและมือถือ เพื่อพิสูจน์ว่าแตงโมตกจุดไหน โดยเส้นทางและการจำลองเหตุการณ์ใกล้เคียงกับคำให้การของพยาน จากการสอบพยานที่ไปด้วยกัน ไม่เห็นแตงโมเข้าห้องน้ำที่ร้าน และพยานบางคนก็บอกไม่ได้เข้า
เมื่อถามว่า ได้ทดสอบให้คนใส่ชุดที่แตงโมใส่มาทดลองหรือไม่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจได้ทำ 2 ลักษณะ คือ การนำชี้ของพยานบนเรือ ซึ่งคงไม่ได้แต่งตัวเหมือนแตงโม และจำลองเรือการวิ่งของเรือ ตำรวจไม่ได้ให้แต่งตัวเหมือนแตงโม
เมื่อถามว่า กรณีจะประมาทหรือมีอะไรอยู่เบื้องหลัง พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดประเด็นอะไร ว่าเกิดการประมาทของใคร ทุกอย่างอยู่ที่พยานหลักฐาน ส่วนจะมีผู้ต้องหาเพิ่มหรือไม่ ตอนนี้มีผู้ต้องหา 2 คน ส่วนการสอบสวนต้องสอบตามพยานเพิ่มเติม ถ้าพาดพิงถึงใคร หรือใครประมาทจะแจ้งข้อหาต่อไป
“ตอนนี้เจ้าหน้าที่สอบคุณแซนอย่างละเอียด โดยดูสภาพของเรือและการวิ่งของเรือว่าน่าเชื่อหรือไม่ กับคำพูดของเขาและสภาพบนเรือ จึงได้จำลองเหตุขึ้น โดยแตงโมตกในช่วงที่โรเบิร์ตขับเรือ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากับโรเบิร์ตไปแล้ว การไม่มีใบขับเรือ ถือเป็นความประมาทแล้ว ถ้ามาขับแล้วมีผู้เสียชีวิต ก็จะเจอข้อหากระทำการประมาทจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนช่วงเวลาที่แตงโมพลัดตกเรือ คือประมาณเวลา 22.29-22.34 น.”
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนกระแสข่าวให้เงิน 3 ล้านนั้น ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ถือเป็นการให้ร้าย ทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย ทั้งบุคคลและองค์กร โดยสั่งให้ ผกก.ดำเนินการสืบสวนที่มาของข่าว วันนี้ถือว่าเตือน อย่าให้คนไม่หวังดีสร้างให้เกิดความไม่เชื่อถือ ขาดความเชื่อมั่นและศรัทธา ขอฝากเตือน
เมื่อถามว่า กรณีบาดแผลพิสูจน์ได้ชัดหรือยังว่าเกิดจากอะไร หลังทนายตั้มระบุแผลของแตงโมน่าจะโดนฟินเรือ หรือหางเสือ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ไม่ยากคุยกับนิติเวชแล้ว นำใบพัดเรือส่งไปตรวจได้ ถ้าเท่ากันพอดีก็ถือว่ามาจากใบพัด แต่ยืนยันแผลเกิดจากของแข็งมีคมแน่นอน ส่วนหางเสือเรือนั้น พฐ.เก็บข้อมูลไปแล้ว
เมื่อถามถึงการตรวจมือถือทั้ง 5 คนบนเรือ รวมถึงภาพไทม์ไลน์ในมือถือ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า ได้ตรวจเรียบร้อยแล้ว อยู่ในสำนวนการสอบสวน โดยนำข้อมูลการตรวจไว้เป็นพยานหลักฐาน
ส่วนกรณีมีเสียงปริศนาในคลิปสุดท้ายบนเรือของแตงโมนั้น พล.ต.ท.จิรพัฒน์ กล่าวว่า เตรียมเรียกกระติกมาสอบสวนอีกครั้งว่าเป็นเสียงใคร ถ้ากระติกบอกว่าเป็นใครก็จะเชิญมาสอบสวน
