》 วันนี้ ( 27 สิงหาคม 2564 ) เวลา 09.00 น. ที่ ห้องประชุม หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ตำบลบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ติดตามผลการปฏิบัติงานที่สำคัญในห้วงที่ผ่านมา ตลอดจนรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติแผนเชิงรุกพิทักษ์พื้นที่ ของหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ก่อนมอบนโยบายแนวทางการวางแผนปรับโครงสร้าง และการสับเปลี่ยนกำลังพลของหน่วย เน้นย้ำกำลังพลช่วงรอยต่อของการสับเปลี่ยนกำลังให้หน่วยได้วางแผนจัดกำลังในการปฏิบัติงานอย่างรอบคอบ เพิ่มความระมัดระวังในการปฏิบัติงานเป็นพิเศษ คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อป้องกันและลดการก่อเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น สร้างความเชื่อมั่นแก่พี่น้องประชาชน โดยมี พลตรี ธิรา แดหวา รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พลตรี คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่ และส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
》จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 และคณะเดินทางต่อไปยังที่ทำการทางยุทธวิธี กองร้อยทหารพรานที่ 4206 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 ตำบลตะโล๊ะ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ เหตุการณ์สำคัญ ตลอดจนบุคคลเป้าหมายที่ยังคงมีข่าวความเคลื่เนไหวในพื้นที่ ซึ่งหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 รับผิดชอบพื้นที่เขตรอยต่อ อำเภอยะหริ่ง และอำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เปิดแผนบูรณาการร่วม 3 ฝ่าย ประกอบไปด้วย 7 ชุดปฏิบัติการ ร่วมปฏิบัติการตามแผน ลงพื้นที่พิสูจน์ทราบ ค้นหาบุคลเป้าหมาย กดดัน และติดตามบังคับใช้กฎหมายต่อไป ก่อนจะเดินทางเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบนโยบายการเข้าพื้นที่แก่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ กองร้อยทหารพรานที่ 4206 บริเวณพื้นที่สวนยางพารา บ้านตะโล๊ะ-ปุลากง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ติดตามการทำงานของชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักการปฏิบัติทางยุทธวิธีให้กำลังพลมีความเข้าใจต่อการปฏิบัติงานมากยิ่งขึ้น เน้นย้ำกำลังพลปฏิบัติงานในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ควบคู่กับการสร้างความเข้าใจในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ให้กับประชาชน พร้อมกันนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบสิ่งของอุปโภค-บริโภค เพื่อสร้างขวัญกำลังให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการจรยุทธ์ให้มีกำลังใจสามารถปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ
》โดยแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า “นอกเหนือจากการเข้าสู่เป้าหมายพิสูจน์ทราบแหล่งหลบซ่อน แหล่งพักพิงตามภาพข่าว เจ้าหน้าที่ต้องสร้างความเข้าใจและสร้างความตระหนักรู้ให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทั้งสถานการณ์ความไม่สงบและมาตรการการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องมีความพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจในการปฏิบัติทุกขั้นตอน คำนึงถึงความปลอดภัยของชุดปฏิบัติการขณะปฏิบัติการจรยุทธ์เป็นสำคัญ รู้จักการพลิกแพลงแผน เพื่อไม่ให้เกิดการติดตามจากฝ่ายตรงข้าม ศึกษาเส้นทาง เส้นทางหลัก เส้นทางรอง ศึกษาพื้นที่ ผนวกการปฏิบัติเข้าด้วยกันด้วยความระมัดระวัง เอาบทเรียนที่ผ่านมาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์ติดตาม และปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด ไม่สร้างเงื่อนไข แต่ให้สร้างความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน
สำหรับแผนปฏิบัติการเชิงรุกพิทักพื้นที่ในครั้งนี้
เมื่อมีภาพข่าวปรากฏถึงความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุรุนแรง หน่วยงานภาครัฐจึงจำเป็นต้องเปิดแผนการปฏิบัติ เพื่อพิทักพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัยทั่วทุกพื้นที่ ด้วยการบูรณาการร่วมกำลังทุกภาคส่วน เพื่อจำกัดเสรีการก่อเหตุ ควบคู่กับการสร้างความเข้าใจต่อผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น พี่น้องประชาชน ตลอดจนเครือญาติถึงความผิดทางกฎหมายในการให้แหล่งพักพิงและการสนับสนุนช่วยเหลือ พร้อมเปิดโอกาสสำหรับผู้หลงผิดได้กลับใจเข้ามามอบตัว เพราะเราแก้ไขปัญหาที่ไม่ต้องการความรุนแรง แต่ต้องการใช้แนวทางสันติวิธี สร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น และนอกจากการทำพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัยแล้ว สิ่งสำคัญควบคู่กันไปในขณะนี้คือ การสร้างความรับรู้เรื่องสถานการณ์การระบาดของไวรัส covid -19 ถึงการปฏิบัติตนอย่างไรให้เกิดความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการเชิงรุกทำการสำรวจตรวจสอบ ถึงผลกระทบของพี่น้องประชาชน ต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสcovid-19 พื้นที่ไหนยังขาดแคลน หรือต้องการความช่วยเหลือให้รีบเร่งดำเนินการเข้าช่วยเหลืออย่างรวดเร็วที่สุด
ในส่วนด้านการเจรจาตามสันติวิธีของคณะพูดคุยสันติสุข ขณะนี้ยังมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องผ่านการพูดคุยทางระบบออนไลน์ รวมไปถึงสมาชิกคณะประสานงานระดับพื้นที่ (สล.3) ยังคงเข้าพื้นที่รับฟังความคิดเห็น พูดคุยและสอบถามความต้องการของพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาสร้างสันติสุขในพื้นที่ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป” ■■■