ผู้หญิงหลังหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเพศที่เรียกว่าเอสโทรเจนจะค่อยๆ ลดลง เนื่องจากรังไข่หยุดทำงาน ไม่สามารถสังเคราะห์ฮอร์โมนเอสโทรเจนได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงรูปร่างผอมจะมีอัตราการลดลงของฮอร์โมนเพศชนิดนี้ได้มากกว่าผู้หญิงที่มีรูปร่างอ้วน เนื่องจากเป็นฮอร์โมนที่สังเคราะห์จากไขมันนั่นเอง
และเมื่อฮอร์โมนเอสโทรเจนลดต่ำลงจนไม่สมดุลกับฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน (ความเกี่ยวพันของฮอร์โมนสองชนิดนี้ หมอได้อธิบายไปในตอนที่แล้ว) ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำตามมา ซึ่งประกอบกับในช่วงอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไปจะเกิดกระบวนการไกลเคชั่น (Glycation) คือ เกิดพยาธิสภาพที่ส่งผลให้คอลลาเจนใต้ผิวหนังเสื่อมลง ความยืดหยุ่นผิวลดลง ผิวจึงเหี่ยวย่น
บางรายจะมีการสะสมของไลโปฟัสซิน (Lipofuscin) หรือการสะสมของเสียจากเซลล์ที่ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เกิดเป็นลักษณะก้อนสีคล้ำขนาดเล็กนูนขึ้นมาหรือที่เราเรียกกันว่า จุดด่างดำจากวัยชรา
วิธีดูแล
1.รักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน โดยการกินฮอร์โมนทดแทนตามที่แพทย์สั่ง ซึ่งแพทย์จะวิเคราะห์เป็นรายบุคคล ประกอบกับพิจารณาความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และมะเร็งปากมดลูก
2.กินอาหารที่มีไฟโตเอสโทรเจน (ฮอร์โมนจากธรรมชาติ) พบมากในถั่วเหลือง โดยอาจจะกินอาหารที่มีส่วนประกอบของถั่วเหลือง เต้าหู้ หรือดื่มน้ำเต้าหู้ก็ได้
3.กินอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 6 และ 9 ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการอักเสบ ฟื้นฟูสภาพผิว
4.กินอาหารที่มีแอนติออกซิแดนต์ เช่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และชาเขียว
5.ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ ที่สำคัญ คือ ต้องซึมง่าย
6.งดเหล้าและบุหรี่ เพราะเป็นปัจจัยให้ผิวเสื่อมสาภพได้เร็ว
7.พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ประกอบกับการทำจิตใจให้เป็นสุข ไม่เครียด
สำนักข่าว vihoknews