8 มิ.ย. 2562 เว็บไซต์ นสพ. The Star ของมาเลเซีย เสนอข่าว “Prayut faces a tough road ahead” ระบุว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะได้รับการเลือกจากที่ประชุมร่วมของรัฐสภาให้อยู่ต่อในตำแหน่งนายกฯ อีกสมัย แต่เส้นทางหลังจากนี้จะไม่ง่ายอย่างที่ผ่านมา
การโหวตเมื่อค่ำวันที่ 5 มิ.ย. 2562 ทำให้เห็นข้อแตกต่างที่ชัดเจน ในขณะที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ โดยพร้อมเพรียงกัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จากพรรคการเมือง 18 พรรคที่เข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นแกนนำนั้นต่างออกไป อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศลาออกจาก ส.ส. เพราะไม่อาจผิดคำพูดที่สัญญากับประชาชนว่าจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ เช่นเดียวกับนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส. จากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เป็นคนเดียวในพรรคที่ประกาศงดออกเสียง
เมือประกอบกับเสียง ส.ส. ของฝ่ายรัฐบาลที่มีเพียง 254 ที่นั่ง ถือว่าเป็นรัฐบาลที่ตั้งอยู่บนความไม่มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการต้องสูญเสีย “มาตรา44” อำนาจพิเศษในการออกคำสั่งต่างๆ ได้ครอบจักรวาล ในวันที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนการที่พรรคร่วมรัฐบาลพยายามต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงชั้นนำ เช่น เกษตรฯ พาณิชย์และคมนาคม ทำให้ ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) มองว่า รัฐบาลใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะบริหารประเทศได้อย่างยากลำบาก เช่นเดียวกับ ปีเตอร์ มัมฟอร์ด (Peter Mumford) ผู้อำนวยการและนักวิเคราะห์จาก Eurasia Group กล่าวว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะชูจุดขายเรื่องความต่อเนื่องของนโยบาย แต่เขาจะปกครองบรรดาพรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรอยู่นั้นได้หรือไม่
ด้าน ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง จากมหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งสูญเสียที่นั่ง ส.ส. ในกรุงเทพฯ ไปหมด รวมถึงพรรคภูมิใจไทย ที่ต้องการทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและราคาสินค้าเกษตร พวกเขามีแต่ต้องสนับสนุนรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างแข็งขันเท่านั้น