รอยเตอร์ – สวีเดนซึ่งเลือกใช้ยุทธศาสตร์ปล่อยให้ประชาชนดำเนินชีวิตในรูปแบบที่เทียบจะใกล้เคียงกับช่วงเวลาปกติ ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) กลายเป็นชาติที่อัตราการเสียชีวิตสูงสุดในยุโรปเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร หากนับเฉพาะในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างข้อมูลจากเว็บไซต์ Ourworldinsata.org ระบุว่า แม้จำนวนผู้เสียชีวิตอยุ่ในแนวโน้มขาลง แต่สวีเดนมีอัตราการเสียชีวิตโดยเฉลี่ย 1 วัน ระหว่างวันที่ 12 พฤษภาคมถึง 19 พฤษภาคม อยู่ที่ 6.25 คนต่อประชากร 1 ล้านคน ซึ่งสูงสุดในยุโรปและเหนืออันดับ 2 อย่างสหราชอาณาจักร ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตในช่วง 7 วันดังกล่าว ที่ 5.75 คนต่อประชากร 1 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม หากนับรวมตั้งแต่มีการแพร่ระบาด สวีเดนยังคงมีอัตราการเสียชีวิตต่อจำนวนประชากรน้อยกว่าประเทศอื่นๆ อย่างสหราชอาณาจักร, สเปน, อิตาลี, เบลเยียม และฝรั่งเศส ซึ่งล้วนแต่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ แต่อีกด้านหนึ่งก็สูงกว่าชาติเพื่อนบ้านต่างๆ ในแถบนอร์ดิก อย่างเช่นเดนมาร์ก, นอร์เวย์ และฟินแลนด์ มากพอสมควร
เจ้าหน้าที่ในสวีเดนไม่ได้กำหนดมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเป็นพิเศษอย่างที่พบเห็นกันในชาติอื่นๆ ของยุโรป โดยประเทศแห่งนี้พึ่งสามัญสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคมของประชาชนเป็นสำคัญ ในความพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่
สวีเดนอนุญาตให้โรงเรียนยังคงเปิดการเรียนการสอน ขณะที่ร้านค้าและร้านอาหารก็เปิดบริการภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและสุขอนามัยที่ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มาตรการเหล่านั้นล้วนอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ ขณะเดียวกันก็จะมุ่งเน้นไปที่การปกป้องกลุ่มประชาชนที่มีความเสี่ยงสูงแทน
ยุทธศาสตร์ของสวีเดน ถููกวิพากษ์วิจารณ์จากบางส่วนว่าเป็นการทดลองที่เป็นอัตรายต่อชีวิตประชาชน แต่อีกด้านกลับถูกยกให้เป็นต้นแบบในอนาคตโดยองค์การอนามัยโลก
นโยบายเปิดเมืองตามปกติของสวีเดน ช่วยบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจ ด้วยตัวเลขการเติบโตในไตรมาสแรก หดตัวน้อยกว่าเดนมาร์ก และนอร์เวย์ค่อนข้างมาก