20 พ.ค.61 -นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า ในวาระครบรอบ 4 ปีของคสช. ถือเป็นเรื่องปกติที่ภาคส่วนต่างๆออกมา ประเมินผลงานของคสช.และรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้งนั้นถือเป็นประเด็นที่มีการประเมินเป็นพิเศษเหตุเพราะสังคมคาดหวังการปฏิรูปสูงซึ่งเป็นผลพวงจากคลื่นมวลมหาประชาชน
ทั้งนี้มีความเห็นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่คสช.ก็ควรน้อมรับคำวิจารณ์และที่สำคัญ คสช.ควรประมวลผลงานที่เป็นรูปธรรมแถลงหรือรายงานต่อประชาชนว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่คสช. ได้ปฏิรูปไปแล้วหรือกำลังดำเนินการอยู่ โดยเอาข้อเท็จจริงที่เป็นรูปธรรมมาพูดกันมากกว่าจะใช้โวหารวาทกรรมตอบโต้กันไปมา บางเรื่องก็ต้องยอมรับว่าคสช. ได้ริเริ่มและวางแนวทางใหม่ๆไว้บ้าง ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานถึงจะเห็นผลบางเรื่องก็อยู่ระหว่างดำเนินการแต่ก็มีหลายเรื่องที่คสช. ยังไม่ดำเนินการ ถ้าชี้แจงตรงไปตรงมาถึงความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรคเชื่อว่าการปฏิรูปประเทศ จะไม่เป็นแค่เกมการเมืองที่ต่างคนต่างพูดเพื่อทำให้ตัวเองดูดีเท่านั้น
นอกจากนี้การปฏิรูปประเทศแม้มีความจำเป็นต้องคาดหวังกับทุกรัฐบาลแต่บทเรียนที่ผ่านมาเราต้องไม่ฝากความหวังไว้กับรัฐบาลอย่างเดียวเท่านั้นภาคส่วนต่างๆต้องร่วมกันแสดงพลังขับเคลื่อนเสนอแนะรณรงค์อย่างต่อเนื่อง เพราะการปฏิรูปเป็นเรื่องที่ต้องทำกันไปเรื่อยๆไม่ใช่ทำครั้งเดียวในรัฐบาลเดียวแล้วจบเลย พรรคการเมืองก็เช่นกันจะต้องจริงจังกับความต้องการของประชาชนโดยเฉพาะการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ ถ้าวาระเรื่องปฏิรูปประเทศไม่มีความชัดเจนหรือเป็นแค่เกมชิงอำนาจ การเมืองก็อาจจะวนกลับสู่ความล้มเหลวอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายต้องเล็งเห็นความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนที่ประเทศไทยต้องได้รับการผ่าตัดหรือปฏิรูปในระดับโครงสร้างอย่างจริงจัง บางคนอาจมองว่าการปฏิรูปประเทศอาจจะเสียของในรัฐบาลหนึ่งหรือล้มเหลวในยุคสมัยหนึ่ง แต่ต้องไม่ทำให้การปฏิรูปกลายเป็นของเสียหรือทำให้ประชาชนสิ้นหวังเพราะไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นประเทศที่ไม่มีอนาคต.
สำนักข่าววิหคนิวส์