จากกรณีที่ทางด้านของ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ นายขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ก็ได้ออกมาแสดงจุดยืนที่เรียกว่าขัดแย้งกับเป้าหมายของพรรคก้าวไกล อย่างชัดเจน นั่นคือการประกาศ ไม่ลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ตามมติพรรค โดยให้เหตุผลว่าเป็นการขัดต่อหลักการส่วนตัว
จนมีกระแสรุนแรงของทางฝั่งสามนิ้ว และ ส.ส.ในพรรคก้าวไกล จำนวนหนึ่งได้ออกมากดดันให้ทำการขับไล่ นายคารม และ นายขวัญเลิศ ออกจากพรรคเนื่องจากไม่ลงชื่อร่วมแก้ ม.112 ทำให้หลายๆคนเริ่มมองว่า พรรคก้าวไกลที่มักอ้างประชาธิปไตย อ้างสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกนั้น แท้จริงไม่เป็นอย่างนั้นเลยใช่หรือไม่
ล่าสุดทางด้านของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว ในประเด็นดังกล่าวได้อย่างน่าสนใจ ถ้าหากว่า “พรรคก้าวไกล” ขับไล่ ส.ส. ที่เห็นต่างไม่ลงชื่อแก้ ม.112 เท่ากับว่าพรรคนี้ โหดร้ายยิ่งกว่าเผด็จการ ที่พวกเขาอ้างว่าต่อสู้อยู่เสียด้วยซ้ำ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
“วันใด ที่มีการขับ สส.ออกจากพรรค เพราะเหตุ ไม่ร่วมลงชื่อในญัตติขอแก้ไขมาตรา 112
วันนั้น
1 เป็นวันประกาศแก่ชาวไทยว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นเผด็จการยิ่งกว่าเผด็จการ
แล้วจะมีหน้าไปเรียกหา ความเสมอภาคและเสรีภาพอะไรได้อีก
2 รัฐธรรมนูญคุ้มครองสส.ให้ทำหน้าที่โดยอิสระ
มติปลดออกจากพรรคเพราะเหตุนี้ เป็นโมฆะ!!! และพรรคอาจถูกยุบได้!!!
จับตาดูกันให้ดี
เดี๋ยวจะหาว่าข้อยไม่เตือน”
ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางด้านของ นายวิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนรางวัลซีไรต์ ก็ได้โพสต์ถึงประเด็นดังกล่าวในทำนองเดียวกันด้วยว่า
“ประชาธิปไตยที่ห้ามใครเห็นต่าง”
คุณคารมกลายเป็นคนเนรคุณธนาธร เมื่อไม่ลงชื่อแก้ ม.112
ตอนหาเสียงนักการเมืองทุกคนประกาศว่าจะรับใช้ประชาชน ทำไมตอนนี้ต้องรับใช้ธนาธร?
โหวตในพรรคแล้วทำตามมติของเสียงส่วนใหญ่ก็จบ ทำไมต้องไล่เสียงส่วนน้อยออกจากพรรค?
หรือคำประกาศอย่างอหังการของธนาธรที่ว่า ใครเห็นต่างกับเขาคือศัตรูของเขานั้นเป็นธรรมนูญสูงสุดของพรรค?
ประชาธิปไตยที่ห้ามใครเห็นต่าง แม้แต่คนในพรรคมันจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร?
เรื่องแค่นี้ยังใช้อำนาจเผด็จการเบ็ดเสร็จ ถ้ามีอำนาจปกครองประเทศ ประชาชนจะต้องถูกกดขี่ลงเป็นทาสขนาดไหน?
#อย่าให้พวกฟาสซิสต์มีอำนาจ”