ประกาศศาลฎีกา เรื่องแจ้งรับคำสั่งศาลฎีกาที่จะมีขึ้นในวันที่ 23กย2567 ที่นายสมชาย เล่งหลัก สมาชิกวุฒิสภากลุ่ม19 ที่กกตประกาศรับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลังนั้นเป็นอดีตผู้สมัครสส พรรคภูมิใจไทย ที่ถูกกกตส่งชี้ขาด แจกใบดำ-ใบแดงนั้น
แม้จะมีการอ้างว่า ยังมีสิทธิได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาและประธานกกตลงนามรับรองไปแล้ว ตั้งแต่10กค 2567 นั้น มีข้อสงสัยตามมาในทางกฎหมายหลายประการอาทิ
1)กกตตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาทั้ง4หมื่นกว่าคนครบถ้วนถูกต้องจริงหรือไม่
2)กรณีนี้ หากศาลฎีกาพิพากษาตัดสิทธิเลือกตั้ง จะเป็นเหตุให้การเลือกกันเองในระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ และการประกาศรับรองไปก่อนนั้น เป็นโมฆะเพียงแค่คนเดียวแล้วเลื่อนบัญชีสำรองขึ้นมาแทนได้จริงหรือไม่
3)จากข้อ1-2นั้น จะทำให้การเลือกกันเองของผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดเป็นโมฆะหรือไม่ เพราะผู้สมัครสว ทุกคน ล้วนเข้าสู่กระบวนการโหวตเลือกกันเองแบบตรง และเลือกกันเองแบบไขว้กลุ่ม มาทั้งกระบวนการตั้งแต่ระดับอำเภอ ไปเลือกระดับจังหวัด และเข้าไปเลือกกันจนได้เป็นสว ในระดับประเทศนั้น ทุกคะแนนล้วนมีความสำคัญและสัมพันธ์กัน แตกต่างจากการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบเขตที่เป็นการแข่งขันกันระหว่างผู้ชนะกับผู้แพ้ ที่ชัดเจนมากว่า ถ้าใครโดนตัดสิทธิก็เป็นเรื่องเฉพาะรายเฉพาะเขตเท่านั้น แต่กระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรม2560 และ
ตามพรบประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะเป็นการเลือกกันเองที่มีความสัมพันธ์กันทุกคะแนนทั้งกระบวนการครับ
งานนี้บางคนอาจดูว่าเป็นข่าวเล็กๆ
แต่ความเห็นทางกฎหมายส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องใหญ่ครับ
และน่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องทั้งหมด ที่เขาเรียกว่า
“เด็ดดอกไม้ดอกเดียวสะเทือนถึงดวงดาว”
ขึ้นอยู่กับผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาที่เห็นว่าตนเสียสิทธิไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเลือกที่ เข้าข่ายถูกโจมตีว่า มีขบวนการฮั้วนั้น จะร้องต่อ กกต ผู้ตรวจการแผ่นดิน และศาลรัฐธรรมนูญให้เห็นเป็นประเด็นวินิจฉัยอย่างไรครับ
สมชาย แสวงการ
10 กย 2567
อ้างอิงข่าว : กกต.ชงศาลฎีกาชี้ขาดแจกใบดำ-ใบแดงสมชาย เล่งหลัก ผู้สมัคร สส.สงขลา ภูมิใจไทย รู้เห็นเป็นใจให้ลูกน้องเตรียมซื้อเสียงวันนี้(1พ.ค. )เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.มีมติ…