เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2565 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ตรวจสอบบัญชีเงินลงทุนของนายศราวุธ เพชรพนมพร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 พ.ค.62 ว่าได้ยื่นบัญชีเงินลงทุนในบริษัท เอฟเวอร์ยูเนียน จำกัด ของนางนุดีพร เพชรพนมพร มูลค่า 7,500,000 บาท โดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
นายเรืองไกรกล่าวว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง มาจากสำนักข่าวอิศรา ที่นำมาตรวจสอบเปรียบเทียบกับบัญชีทรัพย์สินของนายศราวุธ เพชรพนมพร ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยมีเนื้อหาคำร้องดังนี้ ข้อ 1 เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2565 เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา หัวข้อเปิด บอจ.5 ชื่อเมีย ‘ศราวุธ เพชรพนมพร’ ส.ส.อุดรฯ ร่วมหุ้น บ.‘ตู้ห่าว’-แจงไม่เคยรับผล ปย. ลงข่าวไว้ส่วนหนึ่งดังนี้ “ล่าสุด จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวมีชื่อว่า บริษัท เอฟเวอร์ ยูเนียน จำกัด ในบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ที่นำส่งนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท วันที่ 14 พ.ย.2565 ณ วันประชุมผู้ถือหุ้น วันที่ 24 ต.ค.2565 มีชื่อ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ถือหุ้นลำดับที่ 1 จำนวน 80,000 หุ้น นางนุดีพร เพชรพนมพร (ที่อยู่เลขที่ 444 หมู่ที่ 4 ต.บ้านเลื่อม อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี) ถือหุ้นลำดับที่ 2 จำนวน 75,000 หุ้น (มีชื่อถือหุ้นตั้งแต่ปี 2557) นางวัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ (ภรรยานายตู้ห่าว) ถือหุ้น ลำดับ 3 จำนวน 20,000 หุ้น และ น.ส.สุชาดา มาศมิส ถือหุ้น ลำดับ 4 จำนวน 25,000 หุ้น รวมหุ้นทั้งหมด 200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
ข้อ 2 จากข้อเท็จจริงตามข่าวดังกล่าว เมื่อย้อนไปตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายศราวุธ เพชรพนมพร ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 ซึ่งแจ้งชื่อคู่สมรสคือ นางนุดีพร เพชรพนมพร ในส่วนเงินลงทุนมีการแจ้งไว้เพียง 4 รายการ แต่ไม่มีการแจ้งรายการเงินลงทุน บริษัท เอฟเวอร์ ยูเนียน จำกัด ในชื่อของนางนุดีพร เพชรพนมพร ไว้แต่อย่างใด
ข้อ 3 ดังนั้น ข้อเท็จจริงของสำนักข่าวอิสราที่ระบุว่า นางนุดีพร เพชรพนมพร มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท เอฟเวอร์ ยูเนียน จำกัด ตั้งแต่ปี 2557 และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ณ วันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 24 ต.ค.65 จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบต่อไป และข้อ 4 เนื่องจากตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ระบุว่า นางนุดีพรถือหุ้นตั้งแต่ปี 2557 จำนวน 75,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท ชำระแล้ว ดังนั้น มูลค่าเงินลงทุนที่อาจไม่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช. จึงคิดได้เป็นเงินรวม 7,500,000 บาท
นายเรืองไกรกล่าวว่า ตนจึงเรียนมาเพื่อขอให้ ป.ป.ช. ทำการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายศราวุธ เพชรพนมพร กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2562 ว่าได้ยื่นบัญชีเงินลงทุนของคู่สมรส คือนางนุดีพร เพชรพนมพร ในบริษัท เอฟเวอร์ ยูเนียน จำกัด มูลค่า 7,500,000 บาท โดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบริษัท เอฟเวอร์ ยูเนียน จำกัดนั้น ตามข้อมูลในบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ที่นำส่งนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท วันที่ 14 พ.ย.2565 ณ วันประชุมผู้ถือหุ้น วันที่ 24 ต.ค.2565 มีชื่อนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว ชาวจีนที่ได้สัญชาติไทย ถือหุ้นลำดับที่ 1 จำนวน 80,000 หุ้น นางนุดีพร เพชรพนมพร ถือหุ้นลำดับที่ 2 จำนวน 75,000 หุ้น (มีชื่อถือหุ้นตั้งแต่ปี 2557) นางวัทนารีย์ กรณ์ชายานันท์ (ภรรยานายตู้ห่าว) ถือหุ้น ลำดับ 3 จำนวน 20,000 หุ้น และ น.ส.สุชาดา มาศมิส ถือหุ้น ลำดับ 4 จำนวน 25,000 หุ้น รวมหุ้นทั้งหมด 200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หัวหน้าพรรคเทิดไท กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบปล่อยกลุ่มทุนจีนผิดกฎหมายเข้ามาอยู่ในไทย ว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการสืบสวนสอบสวนอยู่ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ใครผิดว่าไปตามผิด ไม่มีละเว้นหน้าไหนเด็ดขาด
ทั้งนี้ หากมองว่านายกฯ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ดำเนินการอะไร ก็คงไม่สามารถจับเครือข่ายตู้ห่าว ยึดทรัพย์ได้มากมายขนาดนี้ ไม่มีใครอยากให้ใครมาทำผิดในประเทศอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน กลุ่มนี้มีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้มีอำนาจทางการเมืองและเครือข่ายกลไกรัฐในอดีต นายณัฐวุฒิแน่จริงอย่าดีแต่พูด ช่วยออกมาตรวจสอบว่าตู้ห่าวเกี่ยวข้องกับใคร คนในตระกูลชินวัตรและคนในพรรคเพื่อไทยมีใครเกี่ยวข้องบ้าง
“ไม่มีใครอยากให้กลุ่มทุนจีนจะเข้ามาทำเรื่องผิดกฎหมายในประเทศไทย และหากทราบเบาะแส หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะปราบปราม เช่นเดียวกันกับกรณีการซื้อบ้านอยู่อาศัยของทุนจีนสีเทา ตนก็เห็นว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยก็รีบออกมาแก้ตัวว่าการกว้านซื้อจากหลายๆ โครงการ มิใช่ซื้อจากเครือชินวัตร เจ้าเดียว เพราะเครือชินวัตรก็ไม่รู้เช่นกันว่าเป็นกลุ่มธุรกิจสีเทา เป็นการแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ที่ต้องตรวจสอบและขยายผล กรมที่ดินต้องไปดำเนินการตรวจสอบอย่างจริงจัง นายณัฐวุฒิจะได้รู้ความจริงว่า ตู้ห่าวเกี่ยวข้องกับเครือข่ายคนในเพื่อไทยอย่างไรบ้าง อย่าเผ่นเงียบหลบอยู่ในมุมก็แล้วกัน”
นายเสกสกลกล่าวว่า ตนอยากกัดฟัน ขอบคุณนายณัฐวุฒิเสียจริงที่กล้าออกมาวิจารณ์เรื่องนี้ อย่าทำเป็นท่าดีทีเหลว เป็นมวยล้มต้มคนดูก็แล้วกัน เพราะตนทราบข่าวมาว่าเครือชินวัตรที่ขายบ้านแทบยกโครงการให้ตู้ห่าวและเครือข่าย และในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มิใช่หรือ ที่ปลัดมหาดไทยแถลงว่าเป็นผู้พิจารณาโอนสัญชาติไทยให้กับตู้ห่าว และยังมีข่าวว่า ภรรยาของคนในเพื่อไทยมีหุ้นในบริษัทในเครือตู้ห่าวอีกด้วย นายณัฐวุฒิห้ามถอดใจถ้ามีคนในครอบครัวเพื่อไทยหรือเจ้าของคอกแดนไกลมาขอร้องให้หยุดตรวจสอบเรื่องนี้ นายณัฐวุฒิต้องเดินหน้าเหมือนที่กล้าพูด อย่าหยุดเงียบหายไป อย่าแสดงลิเกหรือละครหลอกลวงประชาชนเด็ดขาด ถ้ามีใครสั่งมาให้หยุดพูดเรื่องนี้
ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ปกติผมไม่มีวิสัยตอบโต้แบบนี้ แต่ขอยกเว้นหน่อย ผิดคิว ปืนลั่นอะไร ผมพูดตรงไปตรงมา เรื่องนี้มันผิด พิรุธเต็มไปหมด บ้านเมืองเสียหาย ถ้ามีข้อมูลพาดพิงถึงใคร ส่วนไหน ก็ต้องชี้แจงข้อเท็จจริง เป็นคดีก็ต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์กันไป
“ที่ผมอยากรู้คือ ถ้ามีคนทำผิด รัฐบาลประยุทธ์มีปัญญาเอาคนเบื้องหน้าเบื้องหลังมาดำเนินคดีหรือเปล่า จะอะไรกับผม ที่ถูกคือต้องเรียกร้องรัฐบาลให้ทำเร็ว ทำชัด ตรงไปตรงมา ว่ากันตามพยานหลักฐาน” ผอ.ครอบครัวเพื่อไทยระบุ.