“หมอบอนด์”และภรรยาเข้าให้ปากคำตำรวจปัดเจตนารีวิวสินค้า ยันเช็กอย.-ลองกินแล้วไร้ผลข้างเคียง ด้าน “พล.ต.อ.วิระชัย” เผย ออกหมายเรียกเพิ่มอีก7 รวมผู้บริหารระดับสูงด้วย
นพ.ปิยะพงษ์ โหวิไลลักษณ์ หรือ หมอบอนด์ เทคมีเอาท์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม และภรรยา นางสาวปวีณา นามสงคราม ได้เดินทางเข้าให้ปากคำ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีรีวิวสินค้า คลีโอ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในเครือเมจิก สกิน โดย นายแพทย์ปิยะพงษ์ ระบุว่า การรีวิวสินค้าดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากภรรยาสมัครเข้าไปเป็นตัวแทน โดยวันที่มีการรีวิวนั้นแม่ข่ายได้ชักชวนให้เข้าไปช่วยไปอธิบายสรรพคุณของสินค้า โดยตนยืนยันว่าสาเหตุที่เข้าไปร่วมไลฟ์สดนั้นส่วนตัวตั้งใจจะไปช่วยภรรยาขายผลิตภัณฑ์ โดยไม่ได้ต้องการใช้ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของแพทย์ มาสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และก่อนโฆษณาได้ลองเช็กเลข อย. รวมถึงรับประทานด้วยตนเองแล้ว ก็ไม่พบว่ามีผลข้างเคียง นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าไม่ได้รับค่าจ้างจากการร่วมโฆษณาในวิดีโอที่ปรากฎแต่อย่างใด
ขณะที่ นางสาวปวีณา ภรรยา หมอบอนด์ ระบุว่า ตนเองก็ได้ลองรับประทานผลิตภัณฑ์ตัวดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อรับประทานไป 1 สัปดาห์ พบว่าน้ำหนักลดลงไม่มีอาการแทรกซ้อน และขณะนี้ตนก็ถือว่าเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากเครือข่ายเมจิก สกิน เพราะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยจะขอพูดคุยกับตำรวจเพื่อดูแนวทางว่าจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้บริหารเมจิกสกินหรือไม่ พร้อมขอความร่วมมือสื่อให้ช่วยนำเสนอข่าวให้ถูกต้อง เนื่องจากที่ผ่านมาได้รับผลกระทบพอสมควร
ทางด้าน พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงข่าวเปิดรายชื่อบุคคลสำคัญเกี่ยวข้อง เมจิก สกิน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยระบุว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายเมจิกสกิน เข้าให้ปากคำ 7 คน หนึ่งในนั้น คือ ว่าที่ร.ต.ปวีร์ ผู้บริหารระดับสูงของ บ.เมจิกสกิน ส่วนอีก 6 คนเป็นผู้ที่รีวิวสินค้าในโซเชียลมีเดีย เช่น เจ๊อ้อย ทิพวรรณ ตันไชย และ ซึ่งว่าที่ร.ต.ปวีร์ และ เจ๊อ้อย พบว่ามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน สำหรับบุคคลที่ได้ทำการออกหมายเรียกไปก่อนหน้านี้นั้น ยังถือว่าอยู่ในฐานะ พยาน โดยเจ้าหน้าที่กำลังรอผลตรวจผลิตภัณฑ์ เพื่อนำมาข้อมูลดังกล่าวมาใช้ประกอบการออกหมายจับกรณีพบสารอันตราย เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 – 2 เดือน ซึ่งหากประชาชนพบเบาะแสเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือสินค้าที่เข้าข่ายส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ก็ขอให้แจ้งเข้ามาทันที สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ทางตำรวจจะขยายผลการจับกุมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงอีกหนึ่งยี่ห้อนั้น
พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ระบุยืนยันว่า หากพบสินค้าดังกล่าวเข้าข่ายมีสารที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการตรวจสอบทุกยี่ห้อ โดยไม่คำนึงว่าผู้ประกอบการจะเป็นนักธุรกิจใหญ่ หรือเกี่ยวข้องกับบุคคลใดหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจก็ได้มีการประสานการทำงานร่วมกันกับองค์การอาหารและยา (อย.) มาตลอด ส่วนกรณีที่นักธุรกิจเสียชีวิตที่ จ.ปทุมธานี ล่าสุดพบว่าผู้ตายไม่มีโรคประจำตัว และร่างกายแข็งแรงดี
สำนักข่าววิหคนิวส์