ดร.สุกิจ พูลศรีเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ได้โพสต์ระบุข้อความว่า..
หมอปลา “รับสารภาพ” ส่งทีมทนาย 2 คน และ #นักข่าวสาว ไปพบ #หลวงปู่แสง และบันทึกคลิปนาทีที่โดนจับเนื้อต้องตัวมาเป็นหลักฐาน‼
แต่ปฎิเสธว่า ไม่ได้เป็นการ #จัดฉาก แต่เป็นการเข้าไป เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง นัน(ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเงินวัดจำนวน 57 ล้าน) ดังที่หมอปลาอ้างมีการทุจริต)
การกระทำของหมอปลา เป็นการร่วมกับนักข่าวสาวและคณะบุคคลประกอบด้วยทนายความ หลอกหลวงประชาชน โดยใช้พยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบหรือไม
เห็นว่า นักข่าวสาวและหมอปลา รับสารภาพว่าบุคคลใน”คลิป” ที่อ้างว่า ถูกหลวงปู่แสง ล่วงละเมิดทางเพศ นั้น
หมอปลาใช้ให้ทีมทนาย นักข่าวหญิง ที่ยอมเอาร่างกายของตนเอง ตกเป็นเครื่องมือของคณะบุคคลของหมอปลา เข้าไปกราบหลวงปู่แสง นั้น เพื่อพิสูจน์ว่า หลวงปู่แสง ได้ล่วงละเมิดทางเพศตามที่ได้รับการร้องเรียนหรือไม่
คำรับสารภาพ ของหมอปลา และนักข่าวสาวหญิง รับฟังได้ว่านักข่าวหญิงดังกล่าวจึงไม่ใช่บุคคลๆคนเดียวกับ หญิงสาวที่ออกรายการโหนกระแส ที่อ้างว่าได้ร้องเรียนกับหมอปลาว่า ถูกหลวงปู่แสงล่วงละเมิดทางเพศ นั้น
พยานหลักฐานตาม”คลิป” รับฟังประกอบกับที่นักข่าวหญิงขอขมาและสัมภาษณ์สื่อมวลชน นั้น เป็นข้อบ่งชี้ว่า หมอปลา และคณะบุคคลได้จำนนท์ต่อหลักฐาน”ด้วยการนำนักข่าวหญิงคนนั้น จัด”ฉาก”
และหญิงนักข่าวนั้น ต้องได้รับการติเตียนว่ากระทำการหลบหลู่หลวงปู่ โดยที่คณะบุคคลนั้น ไม่มีอำนาจหรือมีกฏหมายรองรับให้กระทำได้โดยลำพัง เมื่อหมอปลากับคณะบุคคลจำนนท์ด้วยหลักฐาน
“คลิป”ที่ให้ นักข่าวสาวจัดฉาก และ ล่อซื้อ เพื่อให้หลวงปู่แสง กระทำผิด โดยหมอปลาและนักข่าวสาวรู้อยู่แล้วว่า หลวงปู่อาพาธ มาเปิดให้สังคมทั่วประเทศ เพื่อทำลายหลวงปู่ จึงเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ
แม้หมอปลาจะอ้างว่ารู้ว่าหลวงปู่ป่วย ทำไม ถึงไม่นำหลวงปู่ไปรักษา นั้นเป็นข้ออ้างที่ยกขึ้นเพื่อปฎิเสธความรับผิด หมอที่ถวายการรักษาหลวงปู่ ก็ออกมา แถลงให้ทราบถึงอ้างของหมอปลาว่า หลวงปู่รักษามานานแล้ว
การที่พระเลขาและพระพี่เลี้ยง ออกมาปกป้องหลวงปู่ นั้นเกิดจากแรงศัทธา และได้พบเห็นด้วยตนเอง ว่า ปัสสะวะหลวงปู่รักษาโรคได้ และเป็นพระธาตุนั้น เป็นความเชื่อ หมอปลาจะไปห้ามความเชื่อและศัทธาพระเลขา และพระพี่เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับหลวงปู่นั้น หาได้ไม่
พยานหลักฐานที่หมอปลา ออกแถลงต่อสำนักข่าว หมอปลาไม่เคยได้ยินหลวงปู่แสง อวดอ้างด้วยตนเอง พฤติการณ์ของหมอปลากับคณะบุคคล จึงเป็นการให้ร้ายพระเลขา และพระพี่เลี้ยงที่มีความเชื่อในเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ปัญหาหลวงปู่แสง แม้เป็นเรื่องการหลบหลู่เฉพาะเจาะจงตัวของบุคคล แต่บุคคลที่ถูกหลบหลู่นั้น อยู่ในพุทธศาสนา การที่หมอปลากับพวกนำ”คลิป”ที่จัด”ฉาก “ มาหลอกลวงประชาชน ให้หลงเชื่อ ย่อมเป็นความผิดตามกฏหมาย
แม้หมอปลาจะ อ้างข้อเท็จจริงขี้นใหม่ว่า ไม่ติดใจในพฤติการณ์ของหลวงปู่แสงเกี่ยวกับล่วงละเมิดทางเพศ แต่ติดใจพระเลขาและพระพี่เลี้ยงเอาหลวงปู่ ออกมาแสวงหาผลประโยชน์
ทั้งที่หลวงปู่อาพาท และสงสัยเงินวัดจำนวน57ล้านนั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ของหมอปลากับคณะบุคคลที่มีหน้าที่ตรวจสอบ หรือมีอำนาจตามกฏหมายที่จะบุกเข้าไปในวัดชึ่งเป็นที่ระโหฐาน โดยไม่ได้รับอนุญาต
เจตนาของกฏหมาย แม้จะมีหมายค้น จากศาล ก็มีต้องห้ามให้ค้นในที่ระโหฐานได้โดยชอบ พฤติการณ์ของหมอปลา กับคณะบุคคล กระทำการกับหลวงปู่ โดยไร้ชึ่งพยานหลักฐาน เป็นเหตให้พุทธศาลนาต้องมัวหมอง
การกระทำของหมอปลา และคณะบุคคลได้ร่วมกันกระทำความผิดอันเป็นความผิดสำเร็จแล้ว แม้การกระทำของหมอปลากับคณะบุคคลไม่บรรลุผล โดยหมอปลากับนักข่าวหญิงนั้นได้ย่อมรับผิดต่อสังคม ก็ไม่มีเหตุยกเว้นความผิด
การกระทำของหมอปลา และนักข่าวหญิงที่ร่วมกระทำผิดกับคณะบุคคล ที่กลุ่มผู้สื่อหน้าเดิมๆที่อยู่กินกับหมอปลาและคณะ ต้องร่วมรับผิดด้วย ตำรวจต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้เป็นไปตามกฏหมาย
หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการกับหมอปลาและคณะบุคคลให้เป็นไป
ตามกฏหมาย เพื่อธำรงค์ไว้ ในพุทธศาสนาที่ประชาชนกราบไหว้
หากผมเดินทางไปกล่าวโทษกับตำรวจตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(
เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เองอาจต้องถูกดำเนินคดี เสียเอง+