คืบหน้ากรณีพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงใหม่ ถูกร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ให้มีการตรวจสอบข้อมูลหลักฐานการใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชนตรงกับเด็กชายดวงดี เวียงดินดำ อยู่บ้านเลขที่ 283/1 หมู่ที่ 2 ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ คือเลขที่ 3-3610-00558-10-1 ทั้งที่ ด.ช.ดวงดี ได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่ปี 38 ว่าเป็นการสวมสิทธิ์คนตายหรือไม่นั้น
ล่าสุด นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่าขณะนี้ทางปลัดอำเภอแม่อาย ได้เข้าแจ้งความไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ก็เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายที่ต้องทำการสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พนักงานสอบสวน ที่ต้องเชิญเจ้าอาวาสวัดมาสอบถามข้อเท็จจริงและให้โอกาสท่านได้แสดงความบริสุทธิ์ด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งขณะนี้อยู่ในขบวนการตามขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้มาก จนกว่าขั้นตอนต่างๆ จะเสร็จสิ้นตามกระบวนการ ส่วนการตรวจสอบการทุจริตปลอมบัตร ทางมหาดไทยก็ได้มีการตรวจสอบในพื้นที่หลายจังหวัดไปแล้วผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดสวนดอก เพื่อดูความเคลื่อนไหวภายในวัด ก็พบว่าบรรยากาศโดยรวมของวัดก็เงียบเหงา โดยเฉพาะบริเวณกุฏิเจ้าอาวาส ซึ่งถูกปิดไว้มานาน โดยพระเณรภายในวัดก็ยังปฏิบัติกิจของสงฆ์ตามปรกติ แต่จากการสอบถามเรื่องเจ้าอาวาสพระทุกองค์ ก็ไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ ขอฟังความจริงจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถติดต่อกับเจ้าอาวาสได้
ด้าน พ.ต.อ.ทรงกริช ออนตะไคร้ รองผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ วันนี้ก็ได้เดินทางไปที่สภ.แม่อาย เพื่อประชุมกับทางพ.ต.อ.ก่ำแก้ว สุยาติ ผกก.สภ.แม่อาย และทีมพนักงานสอบสวนในคดีนี้ โดยมีการรายงานความคืบหน้าของคดี และได้กำชับแนวทางการทำงานของคดี เพราะคดีนี้ไม่ซับซ้อนหลังรับแจ้งความจากทางปลัดอำเภอ ที่มาร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับพระรัชมุนี ก็มีการสอบสวนปากคำทางเจ้าหน้าที่อำเภอไว้แล้ว และได้หลักฐาน เอกสารในการขอมีบัตรของพระรัชมุนี ซึ่งมีเลข 13 หลักตรงกับดช.ดวงดี และหลักฐานเดิมที่พระรัชมุนี หรือนิมิตร ยอดคำ ซึ่งเป็นนามสกุลเดิมเคยขอลงทะเบียนพม่าพลัดถิ่น ตอนนี้ก็รอหลักฐานของดช.ดวงดี จากทางอำเภอภูเขียว และก็จะสามารถออกหมายเรียกพระรัชมุนี มารับทราบข้อกล่าวหา เพื่อให้ท่านได้นำหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองด้วย โดยขั้นตอนนี้คงใช้เวลาไม่กี่วันก็สามารถออกหมายเรียกได้ หากไม่มาพบตามหมายเรียกสองครั้งก็จะออกหมายจับทันที อีกส่วนหนึ่งก็ต้องมีการสืบสวนสอบสวนว่าขั้นตอนการสวมบัตรที่เกิดขึ้นเป็นมาอย่างไร ใครเกี่ยวข้องบ้าง ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฏหมายไป.
สำนักข่าววิหคนิวส์