16 ต.ค. 2565 – นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคก้าวไกล เปิดนโยบายหาเสียงชุดแรก ไทยก้าวหน้า 9 ประเด็น และชูแก้ไขรัฐธรรมนูญ และแก้ไขมาตรา 112 ว่า แล้วแต่มุมมองของพรรคเขา ซึ่งเรารู้ว่ามีแนวทางเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ถ้าทำได้ก็ทำไป แต่ถามว่าจะทำได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การนำเสนอในเรื่องดังกล่าวในสถานการณ์การเมืองเวลานี้เหมาะสมแล้วหรือยัง นายนิโรธ กล่าวว่า ต้องคิดว่านักการเมืองแบบพวกเขาต้องพยายามทำเรื่องนี้ เพื่อบ่มเพาะคนไว้ เมื่อมีแฟนคลับกลุ่มเหล่านี้อยู่เขาต้องพยายามหาเสียงเพื่อให้ได้เสียงกลับมา จึงต้องไปคิดกันเองว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม และที่เขาทำเรื่องนี้ก็เพื่อบ่มเพราะแฟนคลับของตัวเองที่เป็นคนรุ่นใหม่เอาไว้ ส่วนตัวมองว่ายังมีกฎหมายที่มีปัญหาอีกเยอะแยะที่ควรจะคิดแก้ไข ส่วนตามมาตรา 112 เหมือนกฎหมายหมิ่นประมาททั่วไป แต่การจะไปก้าวล่วงในเรื่องพวกนี้ทำเพื่ออะไร เพราะแม้แต่ประชาชนทั่วไปยังมีกฎหมายหมิ่นประมาท ดังนั้นควรจะไปหาเรื่องอื่นทำจะดีกว่า
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ หากมีการนำเสนอในเรื่องเหล่านี้ อาจทำให้สังคมเกิดการแบ่งฝ่ายความคิดในสังคมและเกิดความแย้ง นายนิโรธ กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่สร้างสรรค์ในเรื่องอย่างอื่น เพราะมีกฎหมายที่รอการแก้ไขอยู่อีกเยอะ ส่วนที่จะยกเรื่องนี้มาเป็นไม้เด็ดเรียกคะแนนเสียงคนรุ่นใหม่ก็ต้องบอกว่าถ้าคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นอนาคตไปโดนบ่มเพาะและมีแนวคิดแบบนี้ ก็มองดูว่าอนาคตประเทศจะไปทางไหน ตนไม่ไปก้าวล่วงเพราะขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของแต่ละคน แต่อยากให้ตระหนักให้มาก
เมื่อถามว่า มั่นใจว่านโยบาย 3พันธกิจ “สวัสดิการพลังประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ” จะสู้กับพรรคอื่นในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้หรือไม่ นายนิโรธ กล่าวว่า นโยบายของพปชร.เป็นนโยบายที่ดี ส่งผลให้คนชนบทได้ประโยชน์เยอะมาก แก้ปัญหาชีวิตในช่วงที่มีวิกฤตทั้งจากโควิด และผลกระทบจากสงคราม ต้องบอกว่าคนที่นิยมพปชร.อยู่ในชนบทเยอะมาก แม้แต่ในเมืองก็ยังได้รับประโยชน์จากนโยบายของพรรค เพียงแต่เราไม่เคยประชาสัมพันธ์ตัวเอง และหัวหน้าพรรคไม่เคยไปลดเกรดพรรคการเมือง หรือบูลลี่นโยบายของพรรคอื่น ไม่ไปแตะต้อง มีแต่พรรคการเมืองอื่นที่มาลดเกรดนโยบายของพปชร. ซึ่งเข้าใจได้ว่าต้องการทำลาย ให้ประชาชนสับสนและหลงเชื่อ
เมื่อถามว่า นโยบายของพรรคอาจจะเป็นเรื่องดี แต่ประชาชนจับจ้องไปที่ผู้นำเศรษฐกิจของพปชร.ที่ยังไม่ชัดเจน นายนิโรธ กล่าวว่า เมื่อเปิดประเทศหลังวิกฤตโควิดรัฐบาล ประชาชน และพรรคการเมือง ก็คาดหวังว่าประเทศต้องการอะไรต่อ ซึ่งเห็นเป็นไปแนวทางเดียวกัน คือต้องการนักเศรษฐกิจ และความมั่นคง สองด้านนี้เป็นหลัก และขณะนี้คิดว่าผู้ใหญ่ในพรรคกำลังดำเนินการเรื่องนี้ แต่ยังไม่เปิดตัว ส่วนพรรคการเมืองอื่นไม่ขอพูดถึงเพราะมองว่ายังมีแต่เรื่องขายฝัน
เมื่อถามถึงพรรคสร้างอนาคตไทย(สอท.)ที่ชูนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสอท.ซึ่งได้รับการยอมรับในแวดวงเศรษฐกิจ เป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคพปชร.สามารถสู้ได้หรือไม่นายนิโรธ กล่าวว่า ตนเคารพนายสมคิด ในฐานะผู้ใหญ่ที่มีความรู้ ความสามารถ แต่ติดตรงที่บุคลิกอาจยังไม่ติดดินในการเข้าถึงประชาชน แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับประชาชนพิจารณา