ข่าวประจำวัน » อาชญากรรม » #หัวหงอกตาขาว ! จตุพร ฉะสุนัย ไม่โดนคดีหนีไปทำหอกอะไร

#หัวหงอกตาขาว ! จตุพร ฉะสุนัย ไม่โดนคดีหนีไปทำหอกอะไร

4 December 2020
769   0

3 ธ.ค.63 – # ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊คไลฟ์ peace talk กรณีนายสุนัย จุลพงศธร โพสต์ข้อความ “พรรคทิ้งคนหรือคนทิ้งพรรค ที่ทิ้งพรรคแล้วโจมตีพรรคเพื่อไทยไปหนุนนายบุญเลิศ แข่งกับคนของพรรค ผมไม่อยากตอบโต้นายจตุพร แต่อยากให้ดูเส้นทางเดินของเขาเอง ทั้งๆที่นายบุญเลิศ ไปสวามิภักดิ์กับร.อ.ธรรมนัส และตามรูปถ่ายไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐแล้ว ผู้ใหญ่ในพรรครู้ดี และในยามพรรคยากลำบากนี้พรรคไม่อยากทิ้งใคร แต่ต้องอดทนดูต่อไป เพราะจตุพร จะทำอะไรให้ดูมากกว่านี้”
.
โดยนายจตุพร กล่าวว่า นายสุนัย นับแต่การยึดอำนาจปี 2549 พวกตนมาตั้งพีทีวี แต่คณะ คมช.ไม่ให้ออกอากาศ จึงไปชุมนุมที่สนามหลวง โดยนายสุนัย เป็น ส.ส.ไทยรักไทย หายตัวไปอย่างลึกลับ แล้ววันหนึ่งห่มจีวรมาเจอพวกตน และบอกว่าที่หายไปนั้น ไปอยู่สหรัฐ ทั้งที่ไม่มีหมายจับ หรือไม่มีเหตุต้องหลบลี้หนีภัยเลย
.
เมื่อพวกตนต่อสู้จนบ้านเมืองมีการคืนอำนาจ มีการเลือกตั้ง นายสุนัยก็โผล่หน้าแสดงความรู้ ความสามารถ จนกระทั่งยึดอำนาจปี 2557 นายสุนัยก็ไปอยู่สหรัฐ ทั้งที่ไม่คดีความอะไรจากการต่อสู้ที่ผ่าน ด้วยพฤติกรรมเช่นนี้ นอกจากหัวขาวแล้วยังตาขาวอีก
.
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ส่วนคำว่าพรรคทิ้งคน หรือคนทิ้งพรรคนั้น ตนอยากให้นายสุนัยทบทวน ว่า การเลือกตั้งปี 2557 นายสุนัยลงระบบบัญชีรายชื่อเหมือนกับตน และเหมือนกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งสังกัดพรรคเพื่อไทย แต่ในช่วงนั้น นายสุนัย เคยชี้หน้าว่า ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่ กรณีที่เกิดขึ้นกับเชียงใหม่ เมื่อตนไปต่างจังหวัดจึงรู้ว่า ใครเป็นใคร แม้แต่คนในพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันจะกล้าปฏิเสธตระกูลบูรณุปกรณ์หรือไม่ 10 ปีมานี้ ตระกูลนี้เป็นคนมีน้ำใจและมาต้อนรับดูแลพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดี
.
“กระทั่งถึง ปี 2557 เมื่อ คสช.ยึดอำนาจ นายสุนัยก็หนีไปอีก ทั้งที่ไม่มีคดีอะไรเลย ปอดแหก ตาขาว ขี้ขลาดที่สุด ช่วงทำประชามติ นปช.กับพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนเหมือนกันไม่รับร่าง รธน. 2560 แต่นายสุนัยกลับหนีหัวหด จากนั้นถึงเลือกตั้งทั่วไปปี 2562 ทุกพรรคไปเปิดสาขาที่เชียงใหม่ นายบุญเลิศ ในฐานะนายก อบจ.ก็ไปแสดงความยินดีทุกพรรคการเมือง ไม่ได้ไปเฉพาะพรรคพลังประชารัฐพรรคเดียว กระทั่งถูกผลักออกพรรคเพื่อไทยแล้วตราหน้าว่า เป็นพลังประชารัฐ ซึ่งตนเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรม”
.
นายจตุพรกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยทิ้งเขา ตนไม่มีหน้าที่จะมาทิ้งเขา สุนัยอธิบายความว่า ตนทิ้งพรรคโดยความหมายเช่นนั้น แต่ตนถูกขังคุกมาไม่เหมือนสุนัย เพราะรัฐธรรมนูญห้ามลงสมัครส.ส. 10 ปี ขณะนี้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองไหนก็ไม่ได้ ยึดหลักความถูกต้อง ไม่เชื่อว่าพรรคการเมืองจะทำอะไรถูกทุกอย่าง ถามสุนัยว่า พูดในฐานะอะไร ในฐานะพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่
.
“คุณบอกคนอื่นทิ้งพรรค แต่วันนี้คุณเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ และที่คุณพูดทั้งหมดนั้นในนามพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ เพราะคุณไปวิพากษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ คุณมันปอดแหกเทียบไม่ได้กับนักศึกษา นักศึกษาเขาพูดในประเทศไทย พร้อมถูกดำเนินคดี แต่คุณผมขาวไม่พอตาขาวอีกต่างหาก ไปพูดที่สหรัฐอมริกา
.
ถามว่าการพูดทั้งหมดนี้พรรคเพื่อไทยรู้เห็นเป็นใจกับคุณหรือไม่ คุณอย่ามาสั่งสอนเรื่องการรักพรรค ดูเหมือนนายสุนัยจะกล่าวหาว่าตนย้ายขั้ว ย้ายข้างแล้ว หากเป็นเช่นนั้น จะรอไปทรยศพรรคที่เชียงใหม่หรือ คุณไม่รู้หรือว่าอะไรที่เกิดขึ้นมากมายในช่วงที่ผ่านมา แต่คุณกลับสร้างมาตรฐานที่เลวทรามที่สุด”
.
ประธานนปช. กล่าวอีกว่าผู้สมัคร อบจ.คนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย เป็นถึงฝ่ายยุทธศาสตร์ภาคของพรรคพลังประชารัฐ แสดงตัวชัดเจน แต่พรรคเพื่อไทยเอามาลง และยกโขยงไปฟอกตัวจนกลายเป็นนักประชาธิปไตยขึ้นมาแล้ว แล้วพรรคเพื่อไทยมีมาตรฐานอะไรบ้าง น้ำหน้าอย่างคุณมาชี้หน้าผมไม่ได้ ต้องไปดูตัวเองก่อน ผมไม่ขี้ขลาดตาขาวอย่างคุณ แน่จริงมาประเทศไทย
.
“ถามอีกครั้งคุณถูกดำเนินคดีเรื่องอะไร ลองบอกมา พอยึดอำนาจปี 2557 คุณหนีแล้ว และสังคมบ้าก็ยกย่องคนกล้าที่หนีจึงกล้าวิจารณ์ตรงๆกันนายสุนัย ซึ่งไม่อายเด็กหรือที่กล้าวิจารณ์ในประเทศ แต่สุนัยไม่เคยสัมผัสคนยากจนอยู่ในเรือนจำเป็นอย่างไร เพราะคุณไม่เคยเจอ ไม่เคยเห็น เพราะคุณมันขี้ขลาด แต่หลักการที่คุณบอกให้จับตาดูผม มาจับตาในประเทศไทยสิ อวดดีโดยไม่รับผิดชอบ แต่ไปหาเรื่องวิจารณ์สถาบันอยู่ต่างประเทศ ซึ่งไม่อายเด็กมันหรืออย่างไร”
.
“ถามอีกครั้งวันนี้คุณโดนคดีอะไร จึงต้องหนีไปทำหอกอะไรต่างประเทศ”นายจตุพรกล่าว
——————————-
แหล่งข่าว
https://www.thaipost.net/main/detail/85875
——————————-