ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์ การเมือง การปกครอง ได้โพสข้อความระบุว่า หากแม่นยำย่อมมีชัยชนะ
ยุทธศาสตร์ชาติ ไม่มีชาติไหนในโลกเขาทำเพียง 20 ปี มีแต่ 50 ปีโดยมีอังกฤษ และฝรั่งเศส นำมาใช้ เพื่อแบ่งแยกแล้วปกครอง ไทยเป็น กำพูชา มาเลเซีย การนำหลักคิดนี้มาใช้จึงต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
การคิดว่ากรรมการยุทธศาสตร์ชาติ จะเป็นผู้กำหนดการบริหารในรูปแบบมหภาค ในยามนี้นั้น ยิ่งเป็นการเข้าใจผิดกันใหญ่ เพราะงานมหภาคต้องดำเนินการโดยรัฐบาล มิใช่ดำเนินการโดย กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มันคือเรื่องงานบริหาร
การกำหนดยุทธศาสตร์ชาตินั้น ของไทยเกิดขึ้นมา 89 ปีแล้ว หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา มีการสืบทอดความรู้ ความลับของชาติ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ผู้คนทั่วไปมิสามารถล่วงรู้ได้ สืบต่อรุ่นสู่รุ่น จนมาถึงรุ่นที่ 4 เพราะถ้าไม่รู้อดีตอย่างลึกซึ้ง ทั้งความจริง ความเท็จ ความลับ ก็จะไม่เข้าใจปัจจุบัน อันจะไม่สามารถนำพาชาติสู่อนาคตที่มั่นคงได้ จะทำได้เพียงการลองผิดลองถูกซ้ำซาก
ในสถานการณ์ปัจจุบัน เชิงการบริหารเรียกว่า “การบริหารราชการในสถานการณ์วิกฤติ” ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ เพราะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส จากสงครามไวรัส ที่มหาอำนาจได้เล่นเกมส์นี้ และกำลังลามปามย้ายเกมส์จากตะวันออกกลาง มาทำสงครามในเอเซีย ใช้ฮ่องกงเป็นสมรภูมิ
จึงเกิดยุทธการ “ไวรัสพินาศ ประชาชนพ้นภัย” ขึ้น ที่มียุทธวิธีในระยะสั้นคือ ป้องปราม เยียวยา และฟื้นฟู ในระยะแรก ในระยะกลาง คือยุทธการ เก็บเกี่ยว ปฏิรูป และพัฒนาเศรษฐกิจ การพยายามตั้งคณะกรรมการปฏิรูปอีก 13 ด้าน เป็นหลักคิดที่ผิด และจะไม่สามารถปฏิรูปได้
ส่วนการพัฒนาเศรษฐกิจนั้น จะคืนโควต้าให้ พปชร.นั้น ก็ยิ่งผิด เพราะต้องหากำลังเสริมจากคนนอก จะเป็นการปรับกลยุทธ์ทางการเมืองในสถานการณ์วิกฤติได้ดีกว่า เกมส์หากทำนอกลู่นอกทางในระหว่างนี้ กระแสจะตีกลับภายใน 7 วัน ทั้ง สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การต่างประเทศ จะหันมารุมเร้า จากดีจะกลายเป็นร้าย แตกกันเอง ทั้งนอกและในประเทศ
4 กุมาร ที่มี เศรษฐศาสตร์บริกร คุมงานยุทธวิธี มีคนบัญชาการอยูต่างประเทศนั้น วันนี้คงได้พิสูจน์ให้เห็นชัดว่า เขาพร้อมหัก และเจตนาของเขาตั้งแต่ต้นมาเพื่อ ตุ๋น หลอกให้ใช้ประชานิยม หวังทำลายคณะทหารที่เข้ามารัฐประหารแบบแสบเผ็ด จนชาติเป็นหนี้สูงถึง 20 ล้านๆบาท เป็นรัฐบาลที่สร้างหนี้มากที่สุด ตั้งแต่มีชาติไทยมาตลอด 89 ปี นั้นหมายถึงถ้าไม่สร้างรายได้ให้ประเทศ ก็จำเป็นต้องขึ้นภาษี รีดเอาจากประชาชน เพื่อชดใช้หนี้ ชั่วลูกหลาน เหลน โหลน ต่อไปในภายหน้า และจะถูกตราหน้าไปตลอดชาติ ซึ่งเคยเตือนมาตลอด 6 ปีว่า เขาเหล่านั้นมิใช่ขุนศึก แต่เป็น ไส้ศึก วันนี้คงประจักษ์ดั่งว่าแล้ว แต่อย่าเพิ่งปลด ตั้งใหม่ หรือขับออก ควรใจเย็นๆ รอก่อน
การพัฒนาเศรษฐกิจ ที่จะเอาทีมของ พปชร.มานั้น จะมิสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ล่าสุด มีชื่อทีมเศรษฐกิจใหม่ ที่มี โฆษกรัฐบาลเป็นหัวหน้าคนต่อไป คงเป็นคำตอบว่าประชาชนในประเทศไม่ยอมรับ มันผิดทาง แต่หากแม่นยำในยุทธศาสตร์เดินตามเป้าหมาย นัดหารือเบื้องต้น ออกสื่อ กับ 3 ท่านที่เสนอชื่อไป บัณทูร กร ศุภชัย ก็จะเห็นภาพการตอบรับทางสังคมแบบหน้ามือเป็นหลังมือ สามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้โดยง่าย
การปฎิรูปประเทศ ควรการดำเนินการควรกลับไปเริ่มต้นที่ รวมพลังประชาชาติไทย ปฏิรูปให้ถูกทาง ควรนัดหารือ ดร.อาทิตย์ ด้วยตัวเอง จะสร้างความหวังให้ประชาชนเห็นการปฏิรูป แกนนำ ประชาชนทุกสีจะหันมาสามัคคีกัน แล้วยุทธวิธีอื่นๆที่จะสร้างความเจริญรุ่งเรืองจะตามมาภายหลัง ตามลำดับขั้นตอน อันเป็นหลักการระดมทางความคิด
สิ่งเหล่านี้คือหลักในการบริหารชาติในยามสถานการณ์วิกฤติ ที่การแพร่ระบาดจะหนักมากกว่าระลอกแรก ทั่วโลกมีคนป่วยทะลุ 12 ล้านคน มากกว่าเดิม 12 เท่าตัวแล้ว ดั่งเคยเตือนไว้หลัง 21 มิถุนายนเป็นต้นมา ปัญหาใหญ่ที่ทุกชาติจะได้รับผลกระทบคือ เศรษฐกิจ สังคมการเมือง การต่างประเทศ การจะแก้ไขได้ในระยะกลางคือ จึงเป็นการ พัฒนาเศรษฐกิจ การปฏิรูป และการเลือกตั้งท้องถิ่น หากไม่ทำควบคู่กัน ก็จะเกิดการจราจ สงครามกลางเมือง เหมือนกับหลายชาติกำลังเผชิญ ทั้งฝรั่งเศส อิตาลี อินเดีย ฮ่องกง กำลังเผชิญ หากแม่นยำในยุทธศาสตร์ก็ย่อมมีชัยชนะ ด้วยความปราถนาดี
“สิ่งที่ เล่าปี่ และโจโฉ ต่างค้นหามิใช่ผู้กล้า แต่ค้นหา นักปราชญ์ ต่างหาก”
ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
10 กรกฎาคม 2563