26 พ.ค.2565 – นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) กล่าวในรายการ “คุยกับลุง” EP 30 โดยระบุว่า อยากบอกว่าบ้านเมืองเราต้องดีขึ้น ประชาชนต้องมีความสุขมากขึ้น มีเหตุผลและปัจจัยหลายประการที่ทำให้เชื่ออย่างนี้ ปัจจัยสำคัญคือเรื่องโควิด ตอนนั้นเราวิตกกังวลกันมาก ว่าจะมีโรคระบาดรุนแรง ควบคุมไม่ได้ สู้ไม่ได้ จะไม่มีวัคซีนเพียงพอ จะไม่มียารักษา โรงพยาบาลจะไม่พอรับคนป่วย ตกอกตกใจ ทุกคนวิตกกังวล 3 ปีกว่าๆ ที่เราต้องต่อสู้กันมาด้วยความทุกข์ยาก ลำบากกันทุกครอบครัว เราสูญเสียกันมาก ทั้งเรื่องอารมณ์ความรู้สึกสูญเสียคนที่เรารัก แถมหวั่นวิตก กิจการหลายแห่ง ต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะเรื่องโรงแรม ร้านอาหาร งานบริการ คนตกงานไม่มีงานทำ รายได้ลด
“แต่มาถึงวันนี้ ทุกอย่างดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่กลัวว่าไม่มีวัคซีนเพียงพอ ก็บริหารจัดการกันจนมีวัคซีนเพียงพอ ยาก็มีพอรักษาดูแลประชาชน ก็หายป่วย มีทั้งยาไทย และยานอก ที่ยกให้เป็นพระเอกเลยคือ ฟ้าทะลายโจร ที่ช่วยคนไทยเอาไว้มากในคราวที่ผ่านมา เรื่องนี้ถือว่าเป็นเครดิตของทุกฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาลภาคเอกชนและประชาชน ภาคเอกชนเข้ามาร่วมมือกับรัฐบาล ในการรณรงค์ต่อสู้กับเรื่องปัญหาโควิดอย่างน่ายกย่อง หลายคนผลิตหน้ากากออกมา แจกให้สถานพยาบาล แจกให้ประชาชน โรงพยาบาลที่กลัวว่าไม่พอรักษา รัฐบาลก็ทำโรงพยาบาลสนาม ที่ดีที่สุดที่เห็นมากคือเรื่อง Hospitel ที่ รพ.เอกชนไปเช่าโรงแรม มาทำเป็นโรงพยาบาล รัฐบาลก็ทำ Hospitel และกลายเป็นที่รองรับสำหรับผู้ป่วยอย่างดีที่สุด ที่ อ.เกาะสมุย นักศึกษาจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ ป่วย รัฐบาลก็รับเข้าไปอยู่ใน Hospitel ตรงนี้นักศึกษาก็ Line มาบอก พนักงานที่บริษัทตน คนทำงาน คนขับรถ ติดโควิด ก็ได้ใช้สิทธิประกันสังคมไปรักษากับ รพ.เอกชน ที่เขาทำการตกลงไว้ สำนักงานประกันสังคม เขาก็ส่งไปอยู่ใน Hospitel พอหายก็มาคุย มาอวดตนว่า ถ้าไม่ได้ป่วยคราวนี้คงไม่ได้ไปนอนโรงแรมดีๆ”นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ทุกอย่างคลี่คลาย ทุกอย่างดีขึ้น นี่ก็มีข่าวดีว่า เดือนหน้าเราไม่ต้องสวมหน้ากากกันแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คนไทยจะรู้สึกสบายใจกันมากขึ้น เพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่าน เข้าตำราว่า เราสวมหน้ากากเข้าหากัน ต้องยกให้เป็นเครดิตของพี่น้องประชาชน ในเวลาที่มีวิกฤตเรื่องโควิด พี่น้องประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกอาชีพดูแลตัวเอง ร่วมมือกันเป็นอย่างดีใส่หน้ากาก ใช้เจล ล้างมือ ระมัดระวังในการที่จะออกสังคม ไม่ไปในที่ที่มีคนเยอะๆ ไม่ไปสังสรรค์เฮฮา กินข้าวบ้าน อยู่บ้าน ทำให้การระบาดของโรคจำกัดลง ถือว่าเป็นเครดิตของประชาชน หลายประเทศทำไม่ได้ ประชาชนไม่เอาด้วย ประเทศเราจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศชั้นนำของโลก ที่สามารถต่อสู้กับโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลก็ดี องค์กรภาคเอกชนทั้งหลาย ประชาชนทั่วไป เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันร่วมมือกันอย่างแข็งขันต้องปรบมือให้กับทุกคน โดยเฉพาะรัฐบาล ควรจะได้เครดิตมาก เพราะตอนต้นๆ ถูกตำหนิมากเรื่องการบริหารจัดการเรื่องโควิด เรื่องสถานพยาบาลต่างๆ แต่ก็ผ่านมาได้
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า นับจากนี้ไปเมื่อเราไม่ต้องหนักใจ ไม่ต้องมีมาตรการเข้มข้นป้องกันโควิด สิ่งที่จะทำให้ประเทศเราฟื้นตัว เช่นเรื่องการท่องเที่ยว วันนี้นักท่องเที่ยวมาประเทศไทยไม่ต้องกักตัว เหมือนประเทศอื่น แต่หลายประเทศยังต้องทำอยู่ อย่างฮ่องกง ใครไปต้องกักตัวในโรงแรมอย่างน้อย 7 วัน แต่ของเราไม่ต้องแล้ว นักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะมาเมืองไทยก็จะมาแล้ว พอมีการท่องเที่ยวมา ทุกอย่างก็จะต้องดีขึ้น โรงแรม สถานบริการก็จะได้เปิดให้บริการ หลายอาชีพ จะมีรายได้ ที่สำคัญเมื่อมีการท่องเที่ยว คนมาเที่ยวมากขึ้น กรุงเทพฯ เป็นจุดแรกในประเทศไทย กรุงเทพฯ มีเสน่ห์ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น กรุงเทพฯ ก็ต้องดีก่อน ประเทศไทยโดยส่วนรวมก็จะดีขึ้น กิจการทั้งหลายดีขึ้น คนมีงานทำมากขึ้น คนก็จะมีความสุขมากขึ้น คิดว่ ไม่ใช่เป็นการมองโลกในแง่ดี แต่เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริง เราจะเห็นว่าภายใน 4 – 5 เดือนข้างหน้า สภาพเศรษฐกิจของประเทศต้องดีขึ้น
นายสุเทพ กล่าวว่า นอกจากคิดเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว ยังมีความหวังกับเรื่องภาคการเกษตร ตอนที่สถานบริการ กิจการ ทั้งหลาย ต้องปิดกิจการเพราะโควิด คนที่งานในโรงแรม ในสถานบริการ หรือกิจการต่างๆกลับไปอยู่ในชนบทไปใช้ชีวิตแบบเกษตรกร ที่ไม่ใช่เกษตรกรธรรมดา แต่เป็นเกษตรกรที่มีความรู้ ที่มีประสบการณ์ เมื่อไปก็ไปปรับปรุงไร่นา เอาความรู้จากกูเกิล จากยูทูป ไปปรับปรุงวิธีการผลิต ทำให้แต่ละครอบครัวมีรายได้ดีขึ้น และมีจำนวนมากที่ไม่กลับไปทำงานเดิม เพราะเมื่อกลับไปอยู่ในชนบทกับพ่อแม่ เริ่มรู้สึกว่าชีวิตมีความสุข พอใจกับความพอเพียง เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานเป็นแนวทางไว้ให้ เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้ก็จะเป็นเกษตรกรที่มีคุณภาพของประเทศไนวันข้างหน้า
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า วันนี้ได้ยินทางกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประกาศว่า จะระดมเอาครู อาจารย์ นักศึกษา ในมหาวิทยาลัย เอาองค์ความรู้ งานวิจัย ผลงาน จากความคิดประดิษฐ์ นวัตกรรมต่างๆ ออกไปช่วยเกษตรกร ทำให้มีความหวังว่า ที่มีคนเคยพูดว่า ประเทศไทยจะเป็นครัวโลก คราวนี้มีโอกาสที่จะเป็นจริง เราจะผลิตอาหารเลี้ยงคนไทย เลี้ยงคนกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยว ส่งออกในรูปแบบอาหารปลอดภัย นี่เป็นความหวังของประเทศ และเป็นรากฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ มองว่าประเทศเราดีขึ้น และต้องดีขึ้นแน่ๆ และประชาชนมีความสุขมากขึ้น
“ผมคิดว่า เรามีเวลาที่จะยังอึดอัดทนทุกข์ อีกไม่กี่เดือน พอเรื่องโควิดคลี่คลายลง การผลิต การท่องเที่ยว การค้าขายดีขึ้น เราก็ไปได้ เพราะเราเป็นประเทศที่มีรากฐานดี ตอนนี้ต้องกลั้นใจเอาไว้หน่อย หายใจลึกๆ สู้กับมัน โดยเฉพาะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต้องหายใจลึกๆ เข้าไว้นะ ท่านนายกฯ อีกไม่กี่เดือน ผลงานที่อุตส่าห์อดทนมา ถูกด่า ถูกดิสเครดิต เป็นรายวัน ด้อยค่าทุกวัน ทุกอย่างจะดีขึ้น คนก็จะได้เห็นว่า สิ่งที่รัฐบาลได้ทำมามันบังเกิดผลขึ้นมาแล้วประคับประคองอยู่ให้ครบเทอมนะครับ ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง ทำมาดีๆ แล้ว อย่าให้เกิดการสะดุด อย่าให้อะไรมากีดกั้น การเมืองในอนาคตหลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกทีแต่วันนี้เราต้องกอดคอกันพาประเทศให้รอดกันไปก่อน ผมพูดทั้งหมดนี้ ก็เพื่อจะให้กำลังใจกับทุกฝ่ายทุกคนว่า บ้านเมืองเราต้องดีขึ้น ชีวิตพวกเราต้องมีความสุขขึ้น ชีวิตคนกรุงเทพฯ ก็จะดีขึ้น เป็นกำลังใจให้กันและกัน ผมเป็นคนหนึ่งที่ยืนหยัด เป็นกำลังสำหรับบ้านเมือง พี่น้องประชาชนต่อไป” นายสุเทพ กล่าว