ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #อภิสิทธิ์ ไม่สน !! พระปกเกล้าฯสำรวจความนิยม ประชาธิปัตย์ตกต่ำ

#อภิสิทธิ์ ไม่สน !! พระปกเกล้าฯสำรวจความนิยม ประชาธิปัตย์ตกต่ำ

6 September 2017
682   0

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นของสถาบันพระปกเกล้าที่ระบุว่า พรรค ปชป.ได้รับความนิยมต่ำเพียง 36.8 เปอร์เซ็น ว่า ขณะนี้องค์กรทางการเมืองทั้งหมดอยู่ในบรรยากาศที่คนไม่เชื่อมั่น ซึ่งประเด็นที่ตนย้ำมาตลอดว่าพรรคการเมืองต้องหาทางรื้อฟื้นความเชื่อมั่น และศรัทธาจากประชาชนมาให้ได้จะชัดเจนขึ้นเมื่อสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ขณะเดียวกันต้องใช้เวลาในช่วงนี้คิดถึงการเปลี่ยนแปลงการทำงาน

ตรงประเด็น -“อย่างพรรคผมบอกตรงๆ ว่าผมย้ำกับหลายคนว่าต้องมีวินัยในการให้สัมภาษณ์ ให้ความคิดเห็นมากกว่านี้ ส่วนพรรค ปชป.จะมีอะไรใหม่เพื่อรื้อฟื้นความศรัทธาประชาชนหรือไม่นั้น ผมมองว่าการลำดับความสำคัญของปัญหาที่ประชาชนจะสนใจและความหวังที่จะพึ่งพรรคการเมืองตอนนี้ เรามุ่งทำงานอย่างมากเรื่องเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่คิดว่าจะเป็นหัวใจสำคัญ เราไม่เชื่อว่าปัญหาสำคัญของประเทศหลายเรื่องจะแก้ไขได้ถ้าปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นยังรุนแรงอยู่ นักการเมือง พรรคการเมืองจึงต้องพิสูจน์ความโปร่งใสให้ได้” 


นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการออกกฎหมายของรัฐบาลเพื่อเป็นกลไกในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ว่า เห็นด้วยในการออกกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกซึ่งที่ผ่านมามีกฎหมายที่ได้ใช้มาแล้วเป็นเวลา 3 ปี แต่ระบบราชการยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้การทำงานได้ตามเป้าหมาย สิ่งที่ควรทำคือต้องเจาะจงให้บางหน่วยงานที่มีความสำคัญในการอนุมัติหรือการอนุญาตปรับกระบวนการทำงานเพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้ผล ส่วนการทำข้อตกลงคุณธรรมยังคงมีการใช้อำนาจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ไม่ได้ทำตามข้อตกลง แต่ไม่มีกระบวนการติดตาม ซึ่งคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของผู้มีอำนาจได้ แต่ต้องบอกให้ประชาชนทราบว่าเมื่อมีการทำข้อตกลงคุณธรรมแล้วมีบางหน่วยงานไม่ทำตามข้อตกลง ประชาชนก็ต้องรับทราบ ซึ่งข้อเสนอเรื่องความโปร่งใสเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด


นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดทำระบบเพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้าง และการเสียภาษีมีความโปร่งใสซึ่งสามารถทำได้ง่ายในรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ เช่นเดียวกับโครงการไทยเข้มแข็งในอดีตที่ผ่านมาซึ่งได้มีการเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกลไกที่เอื้อกับการตรวจสอบ แต่ก็มีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาความลักลั่นในทางปฏิบัติหรือไม่นั้น ตัวเองได้เคยท้วงติงไปหลายครั้งแล้ว ซึ่งคนอาจจะรู้สึกว่ามาตรา 44 เป็นความเด็ดขาดและรวดเร็วแต่จะเห็นได้ว่าหลายเรื่องก็ยังคงมีความไม่โปร่งใสและมีการเลือกปฏิบัติ หากไม่แก้ที่ระบบปัญหาก็ยังคงเกิดขึ้น
สำนักข่าววิหคนิวส์