นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ ในฐานะที่ปรึกษาคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” ออกมาตำหนิคนไม่เกี่ยวคดีแตงโม แต่เสนอข้อมูลเท็จจะรับผิดชอบอย่างไร ว่า ความจริงประชาชนเขาหวังดี เขาก็อยากสืบค้นหาข้อเท็จจริง และวันนี้ยังไม่มีใครบอกได้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จ เพราะฉะนั้นประชาชนส่วนใหญ่เป็นพลเมืองดีที่เขาต้องการความยุติธรรมในประเทศไทย จึงขอฝากถึงประชาชนทั้ง 66 ล้านคน และนักรบโซเชียล พนักงานสอบสวนโลกโซเชียลทุกคน ไม่ต้องกลัวว่าการลงข้อมูลทางโซเชียลในคดีนี้จะมีความผิดตามกฎหมาย เพราะปัจจุบันเรายังไม่รู้ว่าอะไรคือข้อมูลจริง อะไรคือข้อมูลเท็จ จะชี้ชัดก็ต่อเมื่อพยานหลักฐานนั้นนำเข้าสู่พนักงานสอบสวน นำเข้าสู่อัยการ นำเข้าสู่ศาลชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกาแล้วตัดสิน ดังนั้นวันนี้เรายังไม่รู้ว่าของใครถูกของใครผิด มันฟ้องร้องอะไรกันไม่ได้อยู่แล้ว
“ใครที่มาขู่ประชาชน บอกว่าตรงนั้นเฟกนิวส์ ตรงนี้เฟกนิวส์ แล้วไปโพสต์ลงเว็บ เหมือนไปขู่ชาวบ้าน ต้องเข้าใจนะว่าการไปขู่ชาวบ้านและทำให้คนเขารู้สึกกลัวเขาไม่กล้าที่จะทำอะไรเลยในการช่วยสืบค้นช่วยเหลือทางราชการ ช่วยเหลือคดีน้องแตงโมผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 392 มีโทษจำคุก 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท ถ้าครั้งแรกโดนปรับ ครั้งที่ 2 จะโดนจำ ครั้งที่ 3 โดนจำ และถ้าประชาชนฟ้องคนคนนั้นแสนคนขึ้นมาติดคุกยาวนะครับ”
นายมงคลกิตติ์ ยังกล่าวขยายความเรื่องการขอภาพดาวเทียมเพื่อคลายคดีของแตงโมว่า สมัยยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็เคยใช้ดาวเทียมในการส่องดูผู้ชุมนุมทางการเมืองสามารถส่องป้ายทะเบียนได้ สามารถระบุได้เลยว่าเป็นรถกระบะ หรือรถเก๋ง มีผู้ชุมนุมกี่คน ซึ่งดาวเทียมที่ละเอียดมากคือดาวเทียม “ควิกเบิร์ด” (QuickBird) และดาวเทียม “เวิลด์วิว” (WorldView) ซึ่งให้ความละเอียด 80-90 เซนติเมตร แต่เป็นดาวเทียมเอกชนของสหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย ซึ่งภาพถ่ายทางดาวเทียมสามารถซื้อขายกันได้ ส่วนดาวเทียมขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) จะมีความละเอียดไม่มากนัก ซึ่งตอนนี้กำลังติดต่อไปแล้ว ก็ประสานให้คนที่ต่างประเทศช่วยคุยให้ด้วย วันนี้หาใครอยากช่วยก็ยินดี หรือหากภาครัฐอยากจะช่วย ก็ยินดีเพราะว่าจะได้ลดภาระในส่วนนี้ไป
“สมมุติว่าผมต้องทำงานหลาย ๆ หน้า มันไม่ไหวนะ มันก็เหนื่อยเหมือนกัน เพราะมันมีภารกิจอย่างอื่นด้วยก็ต้องช่วย ๆ กัน ใครที่ตำหนินู่นตำหนินี่ มาช่วยกันทำงานดีกว่า อันไหนที่จะแบ่งเบาภาระได้ผมจะจ่ายงานเลย อาจารย์อ๊อดเก่งใช่ไหม ไปติดต่อดาวเทียมของเอกชน อาจารย์อ๊อดรับผิดชอบไป ถ้าอาจารย์อ๊อดติดขัดตรงไหนต้องอาศัยหน่วยงานรัฐก็ให้กระทรวง อว.ประสานงานไปที่ดาวเทียมที่เรามีสัญญากันอยู่ รับภาระไปประสานงานต่อ เพราะมันต้องใช้เวลา มันก็จะทำให้คดีนี้กระจ่างขึ้น คนละไม้คนละมือ”
ส่วนที่น ายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมออกมาตำหนิว่าหิวแสง และที่บอกมีเพื่อนอยู่นาซา เป็นนาซาที่เป็นสถานบันเทิงหรือไม่ นายมงคลกิตติ์ ไม่ขอตอบโต้ แต่ยืนยันมีเพื่อนเก่งหลายคนและไปเรียนต่อต่างประเทศเยอะ ส่วนใครที่ท้วงติง มองว่าไม่เกิดประโยชน์ควรที่จะเอาเวลามาช่วยกันหาข้อมูล ช่วยกันหาหลักฐานให้คดีแตงโมเกิดความยุติธรรมดีกว่า
“ถ้าพี่อัจฉริยะว่างใช่ปะ ความจริงข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ พี่อัจฉริยะน่าจะมีนะ น่าจะมาแชร์ข้อมูลกัน อย่างน้อยก็ช่วยเช็ก and Balance อีกที ข้อมูลใครถูกข้อมูลใครผิด” นายมงคลกิตติ์ กล่าวทิ้งท้าย