หลังจากที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงปลดล็อกให้ พืชกระท่อม ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษอีกต่อไป หลังเริ่มมีผลบังคับใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับที่ 8 พ.ศ.2564 ในวันนี้ (24 ส.ค.64) ขณะที่ผู้กระทำความผิดคดีเกี่ยวกับพืชกระท่อมก็จะได้รับการปล่อยตัว โดยถือว่าไม่เคยกระทำความผิดด้วย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าขณะนี้จะมีการปลดล็อกกระท่อมจากยาเสพติดให้โทษแล้ว แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ทำได้ และข้อจำกัดอยู่บ้าง
สิ่งที่ทำได้
-ผู้ที่ปลูกพืชกระท่อมไว้ครอบครองสามารถซื้อ ขาย หรือนำมาบดเคี้ยวได้ และขยายพันธ์ปลูกต้นกระท่อมเพิ่มเติมได้
-สามารถส่งขายพืชกระท่อมเป็นพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม โดยไม่ต้องขออนุญาต
สิ่งที่ห้ามทำ
-ห้ามนำพืชกระท่อมไปผสมยาเสพติดชนิด 4×100 ที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เมื่อนำมาผสมเข้าด้วยกันจะออกฤทธิ์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายในระยะยาว
-ห้ามจำหน่ายพืชกระท่อมให้แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเป็นเยาวชน รวมถึงสตรีมีครรภ์
-ห้ามจำหน่ายพืชกระท่อม ในโรงเรียน วัด ส่วนประเภทธุรกิจการส่งออกหรือนำเข้านั้นจะต้องขออนุญาตก่อน
การปลดล็อก “กระท่อม” ครั้งนี้ถือเป็นปรับกฎหมายยาเสพติดให้สอดคล้องกับกฎหมายสากลที่ไม่ได้กำหนดให้พืชกระท่อมเป็นยาเสพติดให้โทษอีกต่อไป นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มมูลค่า “พืชกระท่อม” ให้เป็นพืชเศรษฐกิจจากเดิมที่แอบขายในราคากิโลกรัมละ 500 -600 บาท เมื่อปลดล็อกแล้ว ก็จะต้องทำให้ราคากระท่อมไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 200 บาท