เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #ออมสินยอมจ่าย 2.2 ล้าน ! หลังบุกยึดบ้านผิดหลัง สั่งพักงานทนาย-ผู้รับเหมา6เดือน

#ออมสินยอมจ่าย 2.2 ล้าน ! หลังบุกยึดบ้านผิดหลัง สั่งพักงานทนาย-ผู้รับเหมา6เดือน

4 October 2022
239   0

 

 

จบด้วยดี ตามที่เจ้าของบ้านร้องขอครับ …

ออมสิน จ่ายเยียวยา 2.2 ล้าน ยอมรับผิด ‘รีโนเวทบ้านผิดหลัง’ เหตุผู้รับเหมาส่งไลน์แจ้งบ้านกับ จนท.ธนาคาร ทั้งที่ต้องลงไปปิดป้ายเอง บริษัทรับเหมาพักงานช่าง 6 เดือน ธนาคารพักงานทนาย 6 เดือน เหตุวันเจรจาบอกผู้เสียหาย “ถ้าอยากได้เงินให้ไปฟ้องร้อง”

วันที่ 4 ต.ค.65 ธนาคารออมสิน จ่ายเยียวยา เจ้าของบ้านที่ถูกผู้รับเหมาที่ธนาคารจ้างเหมาเข้าผิดหลัง รื้อของ ปรับปรุงบ้านใหม่ จำนวน 2 ล้าน 2 แสนบาท ตามที่ผู้เสียหายร้องขอ พร้อมคืนของที่เก็บไว้ให้ ยอมรับเป็นความผิดธนาคาร

ที่ธนาคารออมสิน สาขาติวานนท์ วันนี้ ธนาคารออมสิน ได้นัดนางกาญจนา สร้อยสน และนายสมเกียรติ สร้อยสน เจ้าของบ้านเลขที่ 99/38 ตำบลคลองพระอุดม อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ เข้าหารือเจรจากับนายวุฒิพงษ์ ภิรมยาภรณ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กลุ่มหนี้และกฎหมาย โดยเจรจากันอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนตั้งโต๊ะแถลงข่าว

ทั้งนี้ ธนาคารออมสินได้นำสิ่งของจำนวน 13 รายการ มาเตรียมส่งมอบคืนให้กับผู้เสียหาย เช่น โต๊ะหมู่บูชา 1 ชุด , พระพุทธรูป , เตารีด , ทีวีจอแก้ว เป็นต้น

นายวุฒิพงษ์ ภิรมยาภรณ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินกลุ่มหนี้และกฎหมาย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นความผิดพลาดของทางธนาคาร และผู้รับเหมา ซึ่งเป็น outsource มา และธนาคารจะเยียวยาเงินให้กับผู้เสียหายจำนวน 2 ล้าน 2 แสนบาท ตามที่ผู้เสียหายเรียกร้อง และคืนของทั้งหมดที่ธนาคารเก็บไว้ให้กับผู้เสียหาย

รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ชี้แจงว่า บ้านหลังนี้ ธนาคาร ได้ซื้อมาจากทางกรมบังคับคดีที่ขายทอดตลาดมาในราคา 1 ล้าน 6 แสนบาท จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ธนาคาร ได้มอบหมายให้ผู้รับเหมา ที่เป็น outsource ในพื้นที่ เข้าไปดำเนินการปิดป้าย ห้ามบุกรุก ก่อนจะส่งรูปถ่ายบ้านหลังดังกล่าวมาทางไลน์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ธนาคารยืนยันว่า ตรงกับบ้านหลังที่จะดำเนินการรีโนเวทหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารก็ได้ยืนยันว่ารูปบ้านที่ผู้รับเหมาส่งมา ตรงกับบ้านที่ซื้อมาจากกรมบังคับคดีจริง เพราะมีลักษณะภายนอกเหมือนกัน

จากนั้น ก็ได้ให้ช่างผู้รับเหมา เข้าไปรีโนเวท อยู่ 4-5 วัน ซึ่งบ้านหลังนี้ ก็ไม่มีคนอยู่อาศัย ประกอบกับ ไม่ได้มีเพื่อนบ้าน หรือใครเข้ามาทักท้วง จึงดำเนินการไปเรื่อยๆ พร้อมกับรื้อของออกหมด รวมถึงของที่มีคุณค่าทางจิตใจของผู้เสียหาย เพราะตามกฎหมายแล้ว เมื่อธนาคารซื้อบ้านที่ถูกขายมอดตลาดมาแล้ว ของทุกอย่างถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของธนาคาร จึงได้ทำการย้ายออกทั้งหมด โดยบางส่วนนำไปทิ้ง และมีบางส่วนที่เก็บเอาไว้

หลังจากปรับปรุงบ้านเสร็จเรียบร้อย ก็มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารไปปิดป้ายว่า ขายบ้านเลขที่ 99/44 ในราคา 2 ล้าน 6 แสนบาท ซึ่งไม่รู้มาก่อนว่าปิดป้าย และรีโนเวทบ้านผิดหลัง ก่อนที่ในวันที่ 15 กันยายน 65 ที่ผ่านมา จะมาทราบว่าเข้าไปดำเนินการรีโนเวทผิดหลัง จากการที่เพื่อนบ้านของผู้เสียหาย ลองโทรไปติดต่อขอซื้อ

ธนาคารยอมรับว่ากระบวนที่เกิดขึ้น เป็นข้อผิดพลาดตั้งแต่เจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่ไม่ไปเป็นคนไปปิดป้ายเอง และมีการส่งงานกันทางไลน์ เพราะตามหลักการ ทุกกระบวนการ เจ้าหน้าที่ของธนาคารต้องไปกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ในส่วนนี้ธนาคารขอยอมรับผิด

ส่วนประเด็นเรื่องที่ธนาคารทำหนังสือชี้แจงว่า บ้านของผู้เสียหายไม่ได้มีการติดบ้านเลขที่นั้น นายวุฒิพงษ์ ยืนยันว่า ช่างที่เข้าไปดำเนินการ ไม่เห็นว่ามีป้ายบ้านเลขที่ติดอยู่ และอย่างที่ไดชี้แจงไปว่าบ้านมีลักษณะคล้ายกัน

ผู้สื่อข่าวถามผู้เสียหายอีกครั้งว่าบ้านหลังเกิดเหตุ มีป้ายบ้านเลขที่หรือไม่ ก่อนที่ทางนายรณณรงค์ ทนายความจะนำภาพที่ธนาคารชี้แจงมาแสดงว่า ถ้าสังเกตให้ดีในภาพ จะเห็นตู้ไปรษณีย์อยู่ แม้จะไม่เห็นว่ามีเลขหรือไม่ก็ตาม

ผู้แทนธนาคารออมสินกล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ ได้มีการพักงานช่างรีโนเวทเป็นเวลา 6 เดือน พร้อมกับมีการตั้งคณะกรรมสอบสวนทางวินัย หากพบความผิดก็จะมีโทษตามกฎต่อไป

นอกจากนี้ ธนาคารยังได้พักงาน ทนายความที่พูดคุยกับผู้เสียหายในวันที่ไปแจ้งความที่ สภ.ลาดหลุมแก้ว เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากไปพูดว่า “หากผู้เสียหายอยากได้เงินให้ไปฟ้องร้อง”

นายวุฒิพงษ์ กล่าวว่า ธนาคารจะทำการจ่ายค่าเยียวยาจำนวน 2,200,000 บาท กับผู้เสียหาย ภายในวันศุกร์นี้ พร้อมยืนยันว่า ตลอด 109 ปี ที่ธนาคารก่อตั้งมา ไม่เคยมีเรื่องผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงที่ต้องไปแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก

นางกาญจนา เจ้าของบ้านกล่าวกับทีมข่าวว่า หลังการเจรจา และได้เห็นทรัพย์สินที่หลงเหลือบางส่วน ก็รู้สึกดีใจที่ได้ทรัพย์สินคืน โดยเฉพาะองค์พระพุทธชินราชที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ แต่ก็ยอมรับว่าเสียดายข้าวของที่มีค่าทางจิตใจที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ แต่การเจรจาในวันนี้ เป็นไปด้วยดี ทางธนาคารตอบรับข้อเรียกร้องของตน

อย่างไรก็ตาม ยังแปลกใจว่า ข้าวของบางอย่างไม่ได้มีค่าแต่ทำไมจึงเก็บไว้ให้ เช่น ก้อนหินประดับ แต่เครื่องปรับอากาศกลับถอดทิ้ง และอ้างว่าเสียแล้ว

ส่วนที่เมื่อวานนี้ ธนาคารออกเอกสารชี้แจงว่า บ้านของตนไม่มีเลขที่บ้านนั้น ยอมรับว่า รู้สึก เอ๊ะ! และตกใจ พร้อมยืนยันว่าที่บ้านมีบ้านเลขที่ติดไว้ชัดเจน แต่ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้เหตุการณ์มันยืดเยื้อไปกว่านี้ จึงอยากให้เรื่องราวจบลง

หลังจากนี้ ก็คงเอาของมีค่ากลับไปเก็บไว้ที่บ้านอีกหลังที่อยู่ประจำแทน ไม่เอาไว้ที่หลังที่ไม่ค่อยอยู่แล้ว