สื่อต่างประเทศรายงานในวันนี้ว่า สหราชอาณาจักรจะตัดอุปทานก๊าซที่ป้อนแก่ยุโรปหากว่า พวกเขาเผชิญกับปัญหาขาดแคลนอย่างรุนแรง ตามรายงานของสื่อมวลชนอังกฤษในวันพุธที่ผ่านมา ภายใต้แผนฉุกเฉินหนึ่งที่ทางเหล่าบริษัทพลังงานเตือนว่ามันเสี่ยงซ้ำเติมวิกฤตแก่ทวีปแห่งนี้
.
ในขณะที่บรรดาประเทศต่างๆ ในยุโรปกำลังเผชิญแนวโน้มถูกรัสเซียตัดการส่งออกก๊าซ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า สหราชอาณาจักรมีแผนปิดท่อลำเลียงที่ป้อนแก่เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม แม้มันเสี่ยงบ่อนทำลายความพยายามผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านพลังงานก็ตาม
.
ทั้งนี้ การปิดท่อลำเลียงเชื่อมต่อจะเป็นหนึ่งในมาตรการเบื้องต้นภายใต้แผนฉุกเฉินด้านก๊าซของสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจบังคับใช้โดยโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติ (National Grid) หากว่า อุปทานขาดแคลนในช่วงหลายเดือนข้างหน้าที่กำลังมาถึง
.
โดยบรรดาบริษัทก๊าซทั้งหลายในยุโรปวิงวอนให้สหราชอาณาจักรให้ร่วมมือกับอียู และเตือนว่า การปิดท่อลำเลียงเชื่อมต่ออาจก่อไฟย้อนศรเล่นงานสหราชอาณาจักรเอง หากว่าเกิดปัญหาขาดแคลนยาวนาน ทั้งนี้สหราชอาณาจักรนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากยุโรปในปริมาณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงพีคสุดของฤดูหนาว
.
บาร์ท ยาน โฮเวอร์ส ประธานเครือข่ายผู้ให้บริการระบบขนส่งก๊าซในยุโรป (European Network of Transmission System Operators for Gas) กลุ่มทรงพลังที่สมาชิกมีทั้งบริษัท Snam ของอิตาลี และบริษัท Fluxys ของเบลเยียมกล่าวว่า “ผมอยากแนะนำให้สหราชอาณาจักรพิจารณาทบทวนการหยุดเชื่อมต่อ (ในกรณีที่เกิดวิกฤต) เสียใหม่ พราะว่าในขณะที่มันประโยชน์สำหรับทวีปยุโรปในฤดูร้อน มันก็จะเป็นประโยชน์สำหรับสหราชอาณาจักรในฤดูหนาวเช่นกัน”
.
มีรายงานว่า สหราชอาณาจักรจะทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) แผนฉุกเฉินรับมือปัญหาขาดแคลนก๊าซในเดือนกันยายน โดยแม้โครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติระบุว่ามันเป็นการทดสอบประจำปี แต่ระบุการทดสอบล่าสุดนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงกรณีแวดล้อมต่างๆ นานา ในขณะที่รัสเซียได้เริ่มจำกัดการส่งออกก๊าซสู่ยุโรปแล้ว
.
มาตรการปิดท่อลำเลียงเป็นส่วนหนึ่งของแผนฉุกเฉิน 4 ขั้น ขณะที่มาตรการฉุกเฉินอื่นๆ นั้น รวมไปถึงหยุดจ่ายอุปทานป้องแก่บรรดาผู้ใช้ที่เป็นอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ และร้องขอครัวเรือนลดการบริโภค ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือน เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ ก็เริ่มใช้แผนฉุกเฉินของตนเองแล้ว โดยคืนชีพโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน และเรียกร้องภาคอุตสาหกรรมลดการใช้ก๊าซ หลังรัสเซียลดการส่งออกก๊าซ
.
โดยท่อลำเลียงใต้ทะเล 2 ท่อที่เชื่อมต่อสหราชอาณาจักร กับเบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ ถูกเปิดใช้งานเต็มศักยภาพมาตั้งแต่เดือนมีนาคม โดยส่งออกก๊าซไปยังยุโรป 75 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ในขณะที่ทวีปแห่งนี้เร่งสะสมคลังสำรองรับมือกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะตัดการส่งมอบก๊าซเพิ่มเติม
.
จากข้อมูลของพวกนักวิเคราะห์ สหราชอาณาจักรมักกักเก็บคลังสำรองก๊าซในระดับต่ำ เพื่อที่จะได้ส่งอุปทานส่วนเกินป้อนแก่ทวีปยุโรป ครั้งที่อุปสงค์อยู่ในระดับต่ำในช่วงหลายเดือนของฤดูร้อน แต่ระหว่างเผชิญอากาศหนาวรุนแรง อย่างเช่นครั้ง เผชิญพายุอสูรจากตะวันออก (Beast from the East) ในปี 2018 สหราชอาณาจักรได้รับก๊าซในปริมาณสูงสุดถึง 20%-25% ของก๊าซทั้งหมดที่จ่ายผ่านท่อลำเลียงเชื่อมต่อ 2 ทางกับประเทศอื่นๆ ของอียู
.
อย่างไรก็ตามมีคำเตือนว่า แผนฉุกเฉินของเกือบทุกประเทศ ไม่เหมาะสำหรับตอบสนองต่อวิกฤตทางภูมิรัฐศาสตร์ เพราะว่า เบื้องต้นแผนเหล่านั้นถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับปัญหาความวุ่นวายในระยะสั้นเท่านั้น อย่างเช่นปัญหาขัดข้องที่บ่อก๊าซหรือสถานีนำเข้า ไม่ใช่สำหรับรับมือกับปัญหาสูญเสียอุปทานก๊าซที่ยืดเยื้อยาวนาน
.
“ทั่วยุโรปจำเป็นต้องมีข้อตกลงทางการเมือง เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราสามารถคาดหวังจากชาติอื่นๆ อะไรได้บ้างในฐานะประเทศเพื่อนบ้านในกรณีที่เกิดวิฤตรุนแรง” นักวิเคราะห์ระบุ
.
รัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุว่า พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมต่อความมั่นคงทางอุปทานพลังงานก่อนมุ่งหน้าสู่ฤดูหนาว พร้อมอ้างว่า พวกเขามีระบบพลังงานที่หลากหลาย และเชื่อถือได้มากที่สุดในโลก และเชื่อว่า สถานการณ์ฉุกเฉินทางพลังงาน “ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้”
.
แต่อีกด้านหนึ่ง มารอส เซฟโควิช รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเรียกร้องให้ลอนดอนแสดงออกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยกล่าวว่า “พันธมิตรสหราชอาณาจักรของเรารู้ดีว่า อะไรคือประโยชน์ในขอบเขตของการร่วมมือทางพลังงาน บางครั้งคุณอยู่ในสถานะขายพลังงาน แต่บ่อยครั้งมากที่คุณจำเป็นต้องซื้อพลังงานจากพันธมิตรของคุณเช่นกัน”
——————————-