เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #อัจฉริยะผิดจริง ! สารภาพ ศาลตัดสินรอกำหนดโทษ2ปี

#อัจฉริยะผิดจริง ! สารภาพ ศาลตัดสินรอกำหนดโทษ2ปี

18 June 2020
480   0

มติชน – เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นัดฟังคำพิพากษาใน คดีหมายเลขดำที่ อลศ 1 /2563 ระหว่าง นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ผู้กล่าวหา กับ นายอัจฉริยะ หรือ ธัญเทพ หรือ รเณศ หรือ โรจนทวี เรืองรัตนพงศ์ ผู้ถูกกล่าวหา ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จากกรณีที่ นายอัจฉริยะ ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊กชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม หมิ่นศาลหลังจากสำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฏว่า ไม่เป็นความจริง อย่างที่นายอัจฉริยะ กล่าวอ้าง

นายษิทรา เบี้ยบังเกิด พร้อมทีมทนายความ นายอัจฉริยะ พร้อมกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิพากษา ว่าศาลว่าไต่สวนคดีมีมูล แม้เป็นการทำนอกบริเวณศาล แต่ผลมุ่งหมายให้มีผลในการดำเนินกระบวนการพิจารณาของศาล แสดงว่ามีผลเหนืออิทธิพลเหนือความรู้สึกของพยานและเหนือศาล อันจะส่งผลกระทบต่อการดำเนิน กระบวนการพิจารณาของศาล และทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ถือว่าเป็นการประพฤติตน ไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล พิพากษาว่า นาย อัจฉริยะ ผู้ถูกกล่าวหา มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 180 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา31(1) .33 ผู้ถูกกล่าวหา เคยช่วยเหลือผู้เสียหายหลายคดี ถือว่าเป็นผู้มีคุณงามความดี และทำประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหา ได้เผยแพร่ ข้อความและภาพทางสื่อสังคมออนไลน์ ขออภัยสำนักงานศาลยุติธรรม และจะไม่กระทำการดังกล่าวอีก ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาสำนึกในการกระทำของตน จึงเห็นควรให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหา โดยรอกำหนดโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามกระบวนกฎหมายอาญา มาตรา 56

ด้าน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด กล่าวว่า จากการ ที่นายอัจฉริยะ มีการไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ละเมิดศาลว่าในคดีตนเองเป็นทนายความ ศาลมีการยกฟ้องในคดีทั้ง 2 คดี ซึ่งเป็นผู้พิพากษาคนเดียวกัน เป็นการล็อกสำนวน เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2563 ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึงสำนักงานศาลยุติธรรม ขอให้ตรวจสอบขอเท็จจริงว่ามีการล็อกสำนวน ของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากการไต่สวนแล้วไม่เป็นความจริง ตนจึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อศาล และนายอัจฉริยะ ได้แถลงรับสารภาพต่อศาล และโพสข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยอมรับ ว่ากระทำความผิดจริง ให้รอการกำหนดโทษ 2 ปี ห้ามไปกระทำผิดอีก

“คดีนี้เป็นคดีตัวอย่าง จึงอยากฝากเตือนไปยังประชาชน ว่าการไลฟ์สด การโพสต์ข้อความกล่าวหาผู้อื่น ที่ไม่เป็นความจริง เป็นการหมิ่นประมาท เป็นการละเมิด ถือว่าเป็นความผิด มีโทษถึงจำคุก ในส่วนที่จะมีการฟ้องร้องหรือฟ้องกลับตนเอง เป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้” นาย ษิทรา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการตัดสิน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มีสีหน้าเคร่งเครียด ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์นายอัจฉริยะ ปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ พร้อมกับบอกว่าไม่มีอะไรจะพูด ใครจ้างมาให้ไปสัมภาษณ์ คนนั้น