กลุ่มขบวนการเดิม ใช้หลักเดิมมุขเดิมตามสูตร กลยุทธ์การก่อการร้าย เหมือนในปี 2550 เมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้น ก็ใช้หลักต่อต้านข่าวกรองกุข่าวว่ารัฐบาลสร้างสถานการณ์ ขัดแย้งกันเอง ปฏิวัติซ้อน เพื่อให้ฝ่ายตนเองพ้นผิด ป้องกันแนวร่วมโลกสวยสูญหาย แปรพรรค
คนกลุ่มเดิม พวกเดิม สีเดิม พรรคเดิม ปล่อยข่าว กุข่าว จี้ให้เลือกตั้งตามสูตร และส่งหญิงผู้น่าสังเวชไปยังรพ. เพื่อกลบเกลื่อนความเกี่ยวข้อง และยังแสร้งประณาม ในขณะเดียวกันก็รุกหนัก ทั้งพระนคร และภาคใต้ ให้พวกล้มเจ้าถล่มมาจากนอกประเทศอย่างหนัก ตามสูตรการก่อตัวและสงครามกองโจรทุกประการ
สถานการณ์จะยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป และจะมีแนวโน้มหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยมีฝรั่งให้การหนุนหลัง การเกิดเหตุวินาศกรรมใน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ย กับที่มีการประชุมด่วนของกลุ่มนาโต้ 28 ประเทศ เพื่อหารือเตรียมแตกหักกับ คอมมิวนิสต์ ทั้งจีน รัสเซีย ที่ประชุมเช็คกำลังที่จีน โดยอ้างเส้นทางสายไหมไปก่อนหน้านี้
หากยังคงตั้งรับเดินกลยุทธ์ “บนดิน” ต่อไป ชีวิตประชาชนย่อมเป็นเหยื่อการต่อรองอำนาจ ต่อไปและจะเกิดทั้งในพระนครและใต้ เพราะอีกไม่กี่วันก็ครบกำหนดยึดทรัพย์ทั้ง 2 พี่น้อง ที่ต้องตัดสินใจว่าจะยึดเวลาใด หลังครบกำหนดการอุทรณ์
ยิ่งมีเหตุร้ายยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจ ที่เจอทั้งภายนอกที่มหาอำนาจฟัดกัน ภายในจากพิษถูกวางยาจากประชานิยม และการใช้กฎหมายให้ดาบอาญาสิทธิ์ ม.44 ที่มาจาก มาตรา 5 อนุ 3 หรือมาตรา 17 ในอดีตเสื่อมลงรายวัน ทุกอย่างเขาเดินมาตามเวลาในเชิงยุทธศาสตร์ทางการเมือง วางไส้ศึกใช้หลักสนิมเกิดจากเนื้อในเหล็กทุกประการ
จึงต้องตัดสินใจว่าจะตั้งรับต่อไป จะเดินบนดินต่อไป หรือจะคาคดียึดทรัพย์ต่อไป อันนี้ต้องพิจารณาเอาเอง แต่การปรับกำลังเฉพาะฝ่ายพลเรือนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะถึงแม้จะแก้สถานการณ์ความรุนแรงได้ จับคนร้ายได้ การเดินหน้าไปในยามนี้ จึงจะยากยิ่งนัก
หากจำนวน 36 ไม่พอ ก็พิจารณาเพิ่มเป็น 48 เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้ โดยยังคงนักการทหารคุมด้านมั่นคงเป็นสำคัญ เมื่อจุดต่ำสุดมาถึงแล้วในเพลานี้ จึงต้องรีบพลิกตัว พลิกกระดานหากมิกระทำ ชาติก็จะยากที่จะรอดพ้นภัย เหตุร้ายก็จะเกิดขึ้นรายวัน เพราะคนชั่วต้องการจะบีบให้เลือกตั้ง และนิรโทษกรรมกรณีการยึดทรัพย์คดีทุจริต ก็แค่นั้นเอง
อันการทำการใหญ่จงคำนึงเสมอว่ามิได้กระทำการ เพื่อพรรคพวก เพื่อนฝูง พี่น้อง แต่การกระทำทั้งหมด ยึดประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ประเทศจึงจะมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เข้าสู่สันติสุขในที่สุด
” ต้องร่วมกันเชิดชูชาติ พัฒนารักษาชาติให้มีศักดิ์ศรี ผู้ใดทุรยศต่อชาติคนอับปรี จงสิ้นชีวีย่อยยับไป ขอพระสยามเทวาธิราช จงปกป้องคนรักชาติทุกสมัย ผู้ใดคิดไม่ดีจังไร ขอจงพินาศไปในพริบตา “
กล่อนในบทเพลง ชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ประพันธ์ โดย พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา
25 พฤษภาคม 2560
(วินาศกรรม2จุดใต้-ลอบวางบึ้ม1จุดในกทม.)