อัยการฟ้อง 2 นักศึกษา-ศิลปิน Artn’t มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในข้อกล่าวหา ม.112 และ พ.ร.บ.ธงฯ จากการแสดงงานศิลปะที่มีลักษณะคล้ายธงชาติที่ไม่มีสีน้ำเงิน ตามพื้นที่กิจกรรมต่างๆ ใน จ.เชียงใหม่ ช่วงปี 64 ก่อนศาลอนุญาตให้ใช้ตำแหน่งอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ประกันตัวระหว่างการพิจารณาคดี
19 ม.ค.2565 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้อง 2 นักศึกษาและสมาชิกกลุ่มศิลปิน Artn’t ได้แก่ ศิวัญชลี วิธญเสรีวัฒน์ หรือ วิธญา คลังนิล (ชื่อเดิม) นักศึกษาภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ และ ยศสุนทร รัตตประดิษฐ์ นักศึกษาสาขาสื่อศิลปะและการออกแบบสื่อ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.ธงฯ จากการแสดงงานศิลปะที่มีลักษณะคล้ายธงชาติที่ไม่มีสีน้ำเงิน ตามพื้นที่กิจกรรมต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ช่วงปี 2564 ก่อนศาลอนุญาตให้ใช้ตำแหน่งอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ประกันตัวระหว่างการพิจารณาคดี
เวลาประมาณ 10.00 น. ศิวัญชลีและยศสุนทร พร้อมด้วยอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่เตรียมมาเป็นนายประกันให้นักศึกษาทั้งสองราย และอาจารย์ที่เดินทางมาสังเกตการณ์ในคดี ได้เดินทางเข้ารายงานตัวตามนัดหมายของพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะถูกส่งตัวพร้อมสำนวนคดีไปฟ้องที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ในเวลาประมาณ 11.00 น.
จำเลยทั้งสองถูกนำตัวไปควบคุมไว้ในห้องขังใต้ศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรอกระบวนการประกันตัว ระหว่างนั้นเองอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่สองคนได้ยื่นขอประกันตัวนักศึกษาทั้งสอง โดยใช้ตำแหน่งอาจารย์
สำหรับคำฟ้องของพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ เจริญ จองแก พนักงานอัยการผู้เรียงคำฟ้อง ได้บรรยายฟ้องโดยสรุปว่า ขณะเกิดเหตุประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 2 บัญญัติว่า “ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” และมาตรา 3 บัญญัติว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อํานาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ” และมาตรา 6 บัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้”
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2564 จําเลยทั้งสองได้ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ด้วยการนําแผ่นพลาสติกใส ขนาด 1.40 X 3.75 เมตร จํานวน 1 ผืน ด้านกว้างแบ่งเป็น 5 แถบ ตลอดความยาวของแผ่นพลาสติกใสดังกล่าว 1 แถบตรงกลาง ไม่มีการระบายสีต่อจากแถบตรงกลางออกไปทั้งสองข้างระบายด้วยสีขาว ต่อจากแถบสีขาวออกไปทั้งสองข้างระบายเป็นแถบสีแดง มีรูปลักษณ์และสัดส่วนคล้ายธงชาติไทย แต่ไม่มีแถบสีน้ำเงินดังกล่าว ซึ่งสีน้ำเงินในแถบตรงกลางของธงชาติไทยเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการสื่อให้เห็นว่าผู้จัดทําหรือใช้วัตถุคล้ายธงดังกล่าวไม่ประสงค์ที่จะให้มีสถาบันกษัตริย์ในประเทศไทย คงให้มีแต่สีขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนา และสีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาติเท่านั้น
ในวัตถุคล้ายธงชาติไทยดังกล่าว มีข้อความว่า “FUCK 112 IF YOU USE 112 FUCK YOU TOO, พอแล้วไอ้ษัตร์, สุนัขทรงเลี้ยงออกไป, พอทีภาษีกูเลี้ยงหอย” ซึ่งข้อความดังกล่าวมีความหมายตรงตัวอักษร เป็นคําด่าและเปรียบเทียบ กล่าวคือ คําว่า “ษัตร์” จากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2542 ไม่ปรากฏคําดังกล่าว จึงไม่สามารถแปลความหมายได้ ซึ่งหากจะเขียนคําพ้องเสียง อาจเขียนได้หลายแบบ แต่ผู้เขียนได้จงใจเขียนคําว่า “ษัตร์” ที่เป็นคําย่อให้สั้นของคําว่า “กษัตริย์” และได้ใช้คําว่า “ไอ้” นําหน้า ซึ่งเป็นคําไม่สุภาพเป็นคําด่า มานําหน้าคําว่า “ษัตร์” สื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ว่าคือ ไอ้กษัตริย์
ส่วนข้อความว่า “Fuck 112” เมื่อดูคําแปลจากพจนานุกรม คําว่า Fuck หมายความว่า การมีเพศสัมพันธ์ และเลข 112 หมายความถึง ประมวลกฎมายอาญา มาตรา 112 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ฯ ส่วนคําว่า “สุนัขทรงเลี้ยงออกไป” ก็เป็นถ้อยคําราชาศัพท์ที่ใช้กับพระมหากษัตริย์
จากหลายถ้อยคําที่ปรากฏ ฟังได้ว่า คําว่า ไอ้ษัตร์ ดังกล่าว ย่อมตีหมายความไปถึงคําว่าไอ้กษัตริย์ ส่วนคําว่า “สุนัขทรงเลี้ยง” เมื่อประชาชนทั่วไปได้เห็น พบเห็นข้อความดังกล่าวทําให้เข้าใจได้ว่าพระมหากษัตริย์เป็นผู้สนับสนุนผู้นํารัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทหรือดูหมิ่น ทําให้พระมหากษัตริย์ได้รับการเสื่อมเสีย และจําเลยทั้งสองได้ถือว่าวัตถุคล้ายธงดังกล่าวคนละด้าน แล้วร่วมกันชูแสดงแก่ประชาชน และทําให้ประชาชนที่พบเห็นเข้าใจทันทีว่าข้อความที่แสดงบนแผ่นวัตถุคล้ายธงชาติไทย และรูปลักษณะของวัตถุคล้ายธงชาติไทยดังกล่าวสื่อถึงพระมหากษัตริย์ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยประการที่น่าจะทําให้พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง อันเป็นการจาบจ้วง ล่วงเกิน ดูหมิ่น ใส่ความ หมิ่นประมาท และแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ เป็นการทําลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของศรัทธาและเคารพบูชาของประชาชนชาวไทย ทําให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพต่อพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่ในฐานะที่ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ เป็นการทําด้วยวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทําภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต ซึ่งเป็นการกระทําความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงแห่งราชอาณาจักร และเป็นการร่วมกันใช้ ชัก หรือแสดงธงที่คล้ายคลึงกับธง โดยไม่มีสิทธิ ตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ.2522
ตอนท้ายของคำฟ้องพนักงานอัยการระบุถึงการขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดีว่า ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล และขอให้ริบของกลาง ซึ่งเป็นแผ่นพลาสติกคล้ายธงชาติดังกล่าว
จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. ศาลจังหวัดเชียงใหม่มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนักศึกษาทั้งสองคน โดยใช้ตำแหน่งอาจารย์เป็นประกันตลอดการพิจารณาคดี ก่อนจะปล่อยตัวทั้งสองออกจากห้องควบคุมตัว หลังถูกควบคุมตัวไว้เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง
ศาลกำหนดวันนัดพร้อมสอบถามคำให้การและตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 30 พ.ค. 65 เวลา 9.00 น. ต่อไป
ทั้งนี้กรณีงานศิลปะลักษณะคล้ายธงชิ้นนี้ ปรากฏเป็นข่าวข้อพิพาท เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 64 หลังผู้บริหารของคณะวิจิตรศิลป์เข้ามาเก็บงานแสดงศิลปะของนักศึกษาใส่ถุงดำ ขณะเดียวกันในคืนก่อนหน้านั้น ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบงานศิลปะถึงในพื้นที่หอศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้วย ก่อนที่เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 64 ศรีสุวรรณ จรรยา จะได้เดินทางไปที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสดงงานศิลปะดังกล่าว