14 มี.ค. 61 – เวลา 10.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 นำตัวพระพุทธะอิสระ อดีตแกนนำ กปปส. เวทีแจ้งวัฒนะ และแนวร่วม กปปส. รวม 16 คน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดที่มิใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ และข้อหาอื่นๆ จากการร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาส่งฟ้องต่อศาลอาญา หลังกลุ่มผู้ต้องหาเดินทางมาพบพนักงานอัยการเพื่อฟังคำสั่งคดี ภายหลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา อัยการได้ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมแกนนำไปแล้ว 9 คน รวม 8 ข้อหา
โดยในวันนี้นายสุเทพเดินทางมาศาลเพื่อให้กำลังใจผู้ต้องหาแนวร่วม กปปส. ที่ถูกส่งฟ้องในวันนี้ โดยมีมวลชนหลายสิบคนเดินทางมาให้กำลังใจนายสุเทพและแนวร่วม กปปส. ที่บริเวณหน้าศาลอาญาด้วย
นายสุเทพ กล่าวว่า ผู้ต้องหาที่อัยการนำตัวมาฟ้องในวันนี้เป็นผู้ต้องหาชุดที่ 2 ที่อัยการคดีพิเศษมีความเห็นสั่งฟ้องคดีร่วมกันเป็นกบฏ ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซ่องโจร บุกรุกสถานที่ราชการ ขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ตนกับแกนนำทั้ง 9 คน ได้มารายงานตัวต่ออัยการและยื่นคำร้องขอให้อัยการดำเนินคดีแกนนำทั้ง 9 ก่อน เนื่องจากเห็นว่าบุคคลที่ถูกนำมาฟ้องชุดที่ 2 เหล่านี้ ที่โดนข้อหาร่วมกับตนและพวกทั้ง 9 ก่อกบฏ จึงเห็นว่าหากอัยการใจกว้างก็ควรจะฟ้องตนกับพวก 9 คนว่ามีความผิดฐานกบฏ ก่อการร้ายจริงหรือไม่ ซึ่งหากจริงก็ยังไม่สายที่จะฟ้องผู้ต้องหาชุดที่ 2 ในภายหลัง กรณีนี้ตนก็ไม่ทราบว่าอัยการใช้ดุลพินิจอย่างไร เพราะจะเห็นว่าผู้ต้องหาบางคนอย่างนายแก้วสรร อติโพธิ เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย ขึ้นเวทีให้ความรู้ทางวิชาการ ไม่เคยปลุกระดมให้บุกรุกสถานที่ราชการหรือขัดขวางการเลือกตั้ง แต่ก็ต้องถูกลากตัวเข้ามาฟ้องเป็นจำเลยในคดีนี้ ซึ่งคดีเหล่านี้ก็ต้องใช้ระยะเวลา 4-5 ปี กว่าจะเสร็จสิ้น มันก็เป็นการเสียประโยชน์ แทนที่จะได้ไปสอนนักศึกษาก็ต้องมาขึ้นศาล
“ผมขอฝากคำถามไปถึงท่านอัยการสูงสุดและบรรดาอัยการทั้งหลายวันนี้ว่าท่านเคยใช้สิทธิสั่งไม่ฟ้องบุคคลบางกลุ่ม โดยอ้างว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคม วันนี้ช่วยตอบผมหน่อยว่าฟ้อง อ.แก้วสรร ฟ้องคุณอัญชะลี ไพรีรักษ์ ฟ้องคุณรังสิมา รอดรัศมี ฟ้องหลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นประโยชน์อะไรกับสังคม” นายสุเทพ กล่าวและว่า นี่จึงเป็นสาเหตุที่มวลมหาประชาชนเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศไทย การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเป็นประเด็นที่ประชาชนเรียกร้อง เราเห็นกันแล้วว่าตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นอย่างไร และวันนี้เราเห็นแล้วว่าอัยการเป็นอย่างไร การปฏิรูปจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยน้ำมือประชาชน มิฉะนั้นไม่มีทางที่จะเห็นประเทศนี้ดีขึ้นได้ ประชาชนต้องรวมพลังกันให้มีการปฏิรูปประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ต้องหาชุดที่ 2 ในวันนี้มารายงานตัวครบตามที่อัยการมีความเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังมีอีก ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าอัยการเหวี่ยงแหฟ้องทุกคนหรือไม่ มีคนมาชุมนุมเป็นล้านคนจะฟ้องทั้งล้านคนหรือไม่ ถ้าคนล้านคนมาศาลพร้อมกันไม่ได้ คนพวกนี้ก็ต้องมารายงานตัวที่ศาลทุกวัน พระพุทธอิสระไม่ต้องไปเทศนาสั่งสอนคน นายแก้วสรรก็ไม่ต้องไปสอนลูกศิษย์ เรื่องนี้ก็เป็นปัญหา โดยผู้ต้องหาที่ถูกส่งตัวฟ้องวันนี้มี 17 คน ส่วนที่เหลือจะต้องมารายงานตัวส่งฟ้องอีกกี่คน ตนไม่ทราบ ต้องไปถามอัยการ ให้อัยการตอบคำถามมา ตนไม่ได้เป็นอัยการตอบไม่ได้ และก็ไม่เข้าใจดุลพินิจของอัยการ
ส่วนเรื่องการประกันตัว นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่หนักใจ ผู้ต้องหาบางคน เพื่อนฝูงก็ต้องไปวิ่งหาเงินมาค้ำประกัน บางคนไม่มีหลักทรัพย์ไปขอกองทุนยุติธรรมก็ไม่ได้ ตนต้องให้บริษัทวิริยะประกันภัยมาประกันให้ โดยเสียเงินจำนวน 7 หมื่นบาทเป็นค่าหลักทรัพย์ในการประกัน ในการฟ้องแกนนำ 9 คนคราวก่อน ศาลตีราคาประกันคนละ 6 แสนบาท
เมื่อถามถึงแนวทางการต่อสู้คดี นายสุเทพ กล่าวว่า เราสู้ตามความเป็นจริง เรามีความบริสุทธิ์ใจ ความจริงใจ เราไม่ใช่พวกนอกกฎหมาย ไม่ได้ทำอะไรผิด เราจะเอาหลักฐานความเป็นจริงไปสู้คดีภายในศาล แต่ที่สำคัญคือกว่าคดีจะสิ้นสุดต้องใช้เวลาหลายปี ตนให้ความร่วมมือกับศาลทุกอย่าง ศาลมีคำสั่งอย่างไรเราทำอย่างนั้น
ถามว่าหากอัยการยื่นคำร้องขอรวมสำนวนกับ 9 แกนนำ จะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า หากเป็นไปได้เราจะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาแยกสำนวน
ด้านพระพุทธะอิสระ กล่าวว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ หากการสืบสวนสอบสวนที่ไม่เกี่ยวกับจำเลยคนใด แล้วจำเลยคนนั้นไม่ต้องมาศาล ตนอยากจะขอความกรุณาต่อศาลให้มีการแยกสำนวนกับพฤติการณ์ของจำเลย ไม่ใช่เหมากันมานั่งฟังทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน มิฉะนั้นจะถือว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งตนก็จะปรึกษาทนายว่าจะยื่นคำร้อง ก็ต้องดูว่าศาลจะเมตตาอย่างไร
มีรายงานว่า ผู้ต้องหากลุ่มแนวร่วม กปปส.ที่ส่งฟ้องศาลในวันนี้ ได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้ยื่นประกันตัวคนละ 6 แสนบาท ทั้งนี้ ในวันนี้ นายสาธิต ปิตุเดชะ อดีต ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ที่ร่วมเหตุการณ์ชุมนุมฯ ได้เดินทางมาพบอัยการและเดินทางมาศาลด้วย เนื่องจากอัยการสั่งฟ้องในข้อหากระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นใดที่มิใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คน ขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ตามมาตรา 215 นั้น ซึ่งอัยการเตรียมแยกฟ้องเป็นอีกสำนวนเพียงคนเดียว จึงนัดให้มาพร้อมฟ้องคดีต่อศาลอาญาอีกครั้งในวันที่ 19 เม.ย.นี้.
Cr.thaipost
สำนักข่าววิหคนิวส์