“ทนายอานนท์ นำภา” โพสต์ถูกรวบข้อหา
“ยุยงปลุกปั่น” หลังถูกตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ ออกหมายจับ งานเข้าอีก ถูกยื่นถอดถอนชื่อพ้นวิชาชีพทนายความ รับลูกเตรียมตั้ง กก.สอบ ขอ 6 เดือนรู้ผล หากผิดลบชื่อ
เมื่อวันที่ 7 ส.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทนายอานนท์ นำภา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “ผมโดนจับแล้ว” พร้อมภาพหมายจับจาก สน.สำราญราษฎร์ โดยมีรายละเอียดระบุว่า “การโดนหมายจับโดยไม่มีหมายเรียกเกิดจากกระทำผิดฐานก่อความไม่สงบ, มั่วสุมใช้กำลัง, มั่วสุมจนโรคระบาด, กีดขวางจราจร, วางของบนถนน และใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
ต่อมาเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน (7 ส.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนพหลโยธิน นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียน พร้อมเอกสารหลักฐาน ต่อสภาทนายความ เพื่อเสนอลบชื่อ นายอานนท์ นำภา หนึ่งในแนวร่วมม็อบนักศึกษาขับไล่รัฐบาล ออกจากทะเบียนทนายความ โดยมี นายเกียรติศักดิ์ เหลืองอังกูร อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย และ นายปัญญา จารุมาศ เลขานุการและกรรมการมารยาททนายความ เป็นผู้รับหนังสือ
สำหรับหนังสือร้องเรียน นายอานนท์ ระบุว่า มีการจัดชุมนุมปราศรัย ที่มีการหมิ่นประมาท และล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ หวังผลให้ประเทศ เกิดความแตกแยกสามัคคี ปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน อันเป็นการประพฤติตนฝ่าฝืนศีลธรรมอันดี เสื่อมเสียต่อเกียรติคุณของทนายความ นอกจากนี้ ยังกระทำความผิดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎหมายอาญา หลายความผิดหลายกรรม จึงขอให้นายกสภาทนายความ และคณะกรรมการมารยาททนายความ พิจารณาดำเนินคดีมารยาททนายความ กับนายอานนท์ โดยให้มีการสอบสวน และมีคำสั่งลงโทษผิดมารยาททนายความ ตามพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิด เพื่อดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียง องค์กรวิชาชีพสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ต่อไป
โดย นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า ต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบก่อน ทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องสามารถนำหลักฐานมายืนยันต่อคณะกรรมการสอบสวนได้ ยอมรับว่าที่ผ่านมาผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ แทบไม่มีใครเคยถูกร้องเรียนเรื่องลักษณะนี้ คาดว่าน่าจะใช้เวลาสอบไม่เกิน 6 เดือน ในระหว่างนี้ผู้ถูกร้องสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าผลการสอบจะถึงที่สุด สำหรับโทษความผิดสูงสุดหากสอบแล้วพบว่าผิดจริง คือ ลบชื่อออกจากวิชาชีพทนายความ ซึ่งจะทำให้ผู้ถูกร้องหมดสถานภาพจากการเป็นทนายความ