3 กันยายน 2560 วัฒนา เมืองสุข พรรคเพื่อไทย ได้โพสข้อความระบุว่า การประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ปัญหาของบริษัทฯ
อยู่ในขั้นตอนที่เรียกว่า “การประกอบโลหกรรม” ซึ่งกฎหมายบัญญัติว่ากรณีการประกอบกิจการมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน มาตรา 125 ให้อำนาจเจ้าหน้าที่สั่งการให้บริษัทฯ แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงวิธีดำเนินการเพื่อป้องกันอันตรายนั้นได้ ทั้งยังให้อำนาจที่จะสั่งให้บริษัทฯ หยุดประกอบการในส่วนที่เป็นปัญหาได้ทั้งหมดหรือบางส่วน นอกจากนี้มาตรา 126 ยังให้อำนาจอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ สั่งเพิกถอนใบอนุญาตของบริษัทฯ หากมีการฝ่าฝืนเงื่อนไขหรือมีเหตุกระทบถึงความปลอดภัยหรือความผาสุกของประชาชน
ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชนตามที่หัวหน้า คสช. อ้างในการออกคำสั่งที่ 72/2559 สั่งปิดกิจการของบริษัทฯ (คำสั่งข้อ 3 ตามลิ้งค์) กฎหมายปกติคือพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ได้ให้อำนาจรัฐที่จะจัดการกับปัญหาดังกล่าวแล้วซึ่งถือเป็นความ “ชอบธรรม” ที่บริษัทฯจะต้องปฏิบัติตามและไม่อาจอ้างเหตุไปเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้เพราะการที่บริษัทฯ ขอรับใบอนุญาตก็เท่ากับยอมรับที่จะผูกพันตนภายใต้กฎหมายดังกล่าวแล้ว แต่การออกคำสั่งที่
72/2559 อันเป็นสิ่งที่หัวหน้า คสช. “ชอบทำ” แต่ขาดความ “ชอบธรรม” เพราะนอกจากจะไม่มีความจำเป็นแล้ว ยังเป็นการลุแก่อำนาจและซ้ำซ้อนกับมาตรการทางกฎหมายที่มีอยู่ ทั้งยังเป็นการออกคำสั่งเผด็จการที่ไม่เคยมีในข้อตกลงการประกอบธุรกิจจึงทำให้บริษัทฯ นำไปเป็นข้ออ้างเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ นี่คือตัวอย่างของอำนาจเผด็จการที่ละเมิดหลักนิติธรรม ขาดการตรวจสอบและไม่มีความรับผิดชอบ ผลคือประเทศชาติอาจต้องไปรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายถึง 30,000 ล้านบาท โดยคนออกคำสั่งลอยนวลแต่ประชาชนต้องรับกรรมแทน