นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง ปัญหาสนามกอล์ฟอัลไพน์และคดีอัลไพน์ว่า
ในฐานะที่ตนตามมาตั้งแต่ต้น พบว่ากำลังจะมีการออกกฎหมายกรณีที่ดินอัลไพน์ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่ทำความผิดในคดีดังกล่าว อย่างนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ อดีตรมว.มหาดไทย ที่เพิ่งถูกศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตัดสินจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา และจากเรื่องดังกล่าวทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) และกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย มีแนวคิดจะเสนอร่างพ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามวรวิหาร ต.ประจวบคีรีขันธ์ อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา จนขณะนี้มีการร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวออกมาแล้ว มีการเปิดรับฟังความเห็นประชาชน และเตรียมเสนอให้รัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เห็นชอบ โดยพบว่า สาระสำคัญคือ การจะออกกฎหมายเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์วัดธรรมิการามฯ ที่อยู่ในอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ให้แก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว พินัยกรรมของนางเนื่อม ทำไว้ว่า ยกที่ดินดังกล่าวให้กับวัดธรรมิการามฯ ไม่ใช่ให้มูลนิธิฯ เพราะวัดกับมูลนิธิฯ เป็นคนละส่วนกัน หากเป็นคนก็คนละคนกัน ดังนั้นวิธีการที่ถูกต้อง รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรทำให้เป็นไปตามพินัยกรรมและความประสงค์ของนางเนื่อม คือทำให้ที่ดินกลับไปเป็นของวัด จากนั้นก็มาแก้ปัญหาให้กับผู้ได้รับผลกระทบ เช่น ประชาชนที่ไปซื้อบ้านจัดสรร หรือที่ดินในโครงการหมู่บ้านอัลไพน์ที่เขาซื้อมาด้วยความสุจริตใจ
นายวิรัตน์ กล่าวว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ นายกฯไม่รู้เรื่องรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่รู้ว่าใครคิดจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาควรกลับไปทำให้ทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนตั้งแต่แรก ตามที่พินัยกรรมของนางเนื่อม ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินเคยมีคำสั่งแล้วว่า ให้เพิกถอนการทำนิติกรรมระหว่าง มูลนิธิฯกับเอกชน ที่ทำกันโดยมิชอบ โดยต้องทำให้ที่ดินกลับมาเป็นของวัดก่อนเป็นลำดับแรก เพราะวัดกับมูลนิธิฯ คนละส่วนกัน คือให้ยึดหลักทำตามเจตจำนงของเจ้าของที่ดิน ที่เขาต้องการให้ที่ดินเป็นของวัดไม่ใช่ของมูลนิธิฯ ซึ่งนางเนื่อม ต้องการให้ที่ดินเป็นของวัด แต่ให้มูลนิธิฯดูแล หากออกกฎหมายเช่นนี้ เท่ากับว่าขัดกับเจตนาของเจ้าของที่ดิน และเป็นการไปหักหลังเจ้าของที่ดินที่เสียชีวิตไปแล้ว
“หากทำแบบนี้ ถือว่าทุเรศมาก หักหลังผู้เสียชีวิต ผมคิดว่ารัฐบาลไม่ควรเอาด้วยกับกฎหมายนี้ จะเป็นการทำให้นายยงยุทธ ที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดกรณีใช้อำนาจทางปกครองไปทำเรื่องอัลไพน์ จะยกกฎหมายนี้ มาสู้คดีตอนอุทธรณ์ได้ จะเป็นการไปช่วยนายยงยุทธให้พ้นผิดได้ ถ้าออกมาแบบนี้ นายยงยุทธ อาจจะรอดได้เลย การออกพ.ร.บ.ให้ที่ดินดังกล่าวไปเป็นของมูลนิธิฯ สังคมจะตั้งคำถามว่าเพื่อให้การจดทะเบียนโอนขายระหว่างมูลนิธิฯกับเอกชนชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งจะมีผลต่อการอุทธรณ์คดีของนายยงยุทธ และถ้าจะออกร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ โดยไม่มีคำอธิบายหรือยังไม่ทำความเข้าใจกับประชาชน ก็ไม่อาจแก้ปัญหาที่ทับถมมาเป็นเวลาร่วม 30 ปีได้ หากจะส่งร่างพ.ร.บ.นี้ใปให้ สนช.พิจารณา สนช.ก็ต้องลงมติคว่ำ ตีตกตั้งแต่วาระแรกไปเลย ในเมื่อที่ดินเป็นของวัด ก็ต้องเป็นของวัด จะไปออกกฎหมายมาไม่ให้ที่ดินเป็นของวัดได้อย่างไร”นายวิรัตน์ กล่าว
นายวิรัตน์ กล่าวต่อว่า พบว่าร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวฯ มีการเผยแพร่และนำไปรับฟังความเห็นประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นต้นเรื่องในการออกกฎหมายต้องฟังความเห็นประชาชนก่อนจะออกฎหมาย ซึ่งได้มีการรับฟังความเห็นประชาชน ในช่วงวันที่ 7-23 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าได้ทำเสร็จสิ้นก่อนที่ศาลอาญาแผนกคดีทุจริต ฯ จะมีคำพิพากษาจำคุกนายยงยุทธ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา เมื่อ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา
สำนักข่าววิหคนิวส์