ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #’อุเทน’ เย้ย คสช. เสียของ อัด’ประยุทธ์’ ไร้ความกล้าหาญ ปราบโกง

#’อุเทน’ เย้ย คสช. เสียของ อัด’ประยุทธ์’ ไร้ความกล้าหาญ ปราบโกง

16 April 2018
625   0

“อุเทน” จวก คสช.เสียของ ผิดหวัง “ประยุทธ์” ไร้ความกล้าหาญ ปราบโกงไม่คืบ ผลโพลประจานยิ่งอยู่ยิ่งทุจริต เสียดายโอกาสออกธนบัตรใหม่ แต่ไม่ใช้เป็นโอกาสรื้อกฎหมายปริวรรตเงินตรา สร้างกระบวนการตรวจสอบ-ดึงเงินสีเทาเข้าระบบ…

เมื่อวันที่ 16 เม.ย.61 นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวว่า อีกเพียง 1 เดือนเศษ ก็จะครบรอบการรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แล้ว ซึ่งถึงตอนนี้ก็คงสรุปบทเรียนของการรัฐประหารครั้งนี้ได้แล้วว่า เสียของ โดยเฉพาะนโยบายปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.ถึงขนาดประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเกือบ 4 ปี ยังคงมีกระแสข่าวการทุจริตของภาครัฐออกมาโดยตลอด ระยะหลังยิ่งหนาหูมากขึ้นด้วย ทั้งกรณีการทุจริตเงินช่วยเหลือคนยากจนคนไร้ที่พึ่งของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือการทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ของกระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนการดำเนินนโยบายต่างๆ และการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานราชการ ที่ทั้งใช้งบประมาณอย่างฟุ่มเฟือยไร้ประสิทธิภาพ และยังมีงบประมาณที่ตกหล่นจำนวนมาก ตามผลสำรวจของสถาบันการศึกษาต่างๆก่อนหน้านี้ ทั้งสวนดุสิตโพล ที่ประชาชนส่วนใหญ่เกือบ 57% ไม่เชื่อมั่นต่อการแก้ปัญหาทุจริตของรัฐบาล หรือมหาวิทยาลัยหอการค้า ก็ได้ระบุว่า การทุจริตงบประมาณรายจ่ายภาครัฐมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความเสียหายต่อประเทศ ปีละหลายแสนล้านบาท

นายอุเทน กล่าวต่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า แม้จะมีการใช้กฎหมายปกติ และกฎหมายพิเศษของ คสช.เล่นงานผู้กระทำการทุจริตอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเข็ดหลาบ ยังมีความพยายามในการแสวงหาและทุจริตเรียกรับผลประโยชน์ในทุกรูปแบบ พรรคคนไทยจึงเห็นควรว่า ต้องมีการจัดการขบวนการโกงกินเหล่านี้ให้สิ้นซาก โดยนำเงินที่โกงกันไปแล้วนั้นกลับคืนแผ่นดิน ซึ่งพรรคได้เรียกร้องหลายครั้งเกี่ยวกับนโยบายปริวรรตเงินตรา โดยหยิบยกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินตรา พ.ศ. 2501 ขึ้นมาแก้ไขปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ หรือสีธนบัตรทุกมูลค่าใหม่ทั้งหมด พร้อมกำหนดระยะเวลาวงรอบการเปลี่ยนแปลง เพดานเงินแต่ละบุคคล รวมทั้งระยะเวลาในการนำธนบัตรเก่ามาแลกเปลี่ยนให้ชัดเจน และต้องไม่มีการต่อเวลาแลกเปลี่ยนโดยเด็ดขาด รวมถึงอาจยกเลิกธนบัตรใบละ 1,000 บาท เหลือเฉพาะชนิดที่มีมูลค่าน้อยลง เป็นต้น อีกทั้งในการแลกเปลี่ยนแต่ละครั้งนั้นต้องมีหลักฐานแสดงที่มาและหลักฐานการเสียภาษีของเงินนั้นๆ ด้วย เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ทำให้เกิดกระบวนการตรวจสอบทรัพย์สินที่อาจจะได้มาโดยมิชอบ และหากบุคคลใดไม่สามารถแสดงที่มาที่ไปได้ ก็ต้องยึดเงินส่วนนั้นคืนรัฐ เพียงเท่านี้ก็จะเป็นการตรวจสอบว่าใครร่ำรวยผิดปกติโดยอัตโนมัติ และสามารถดึงเงินสีเทานอกระบบ กลับเข้าสู่ระบบด้วย

“น่าเสียดายเป็นอย่างมากว่า การออกใช้ธนบัตรแบบใหม่ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ใช้เป็นโอกาสในการแก้ไขกฎหมายเงินตรา ตามที่พรรคคนไทยเสนอ และส่วนตัวได้พร่ำพูดเรื่องนี้ แล้วชี้ให้เห็นว่า เป็นทั้งหนทางในการปราบปรามการทุจริตได้อย่างชะงัด มาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ครั้งหนึ่ง นายกฯ ประยุทธ์ก็เคยพูดในลักษณะว่าเห็นด้วยและมีทีท่าว่าจะดำเนินการเสียด้วยซ้ำ แต่แล้วก็ขาดความกล้าหาญ จนน่าเสียดายโอกาสที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศ รวมทั้งโอกาสในการนำเงินสีเทาเข้าสู่ระบบงบประมาณแผ่นดินได้อีกอย่างมหาศาล สรุปได้ว่า ไร้น้ำยา เสียของจริงๆ” นายอุเทนกล่าว.

Cr.thairath

สำนักข่าววิหคนิวส์