ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ – เชียงใหม่ยังเผชิญวิกฤตหมอกควัน และค่า PM 2.5 ต่อเนื่อง ครองแชมป์ดัชนีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก 5 วันซ้อน ขณะที่การขึ้นลงของเครื่องบินที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยังไม่ได้รับผลกระทบ แม้ทัศนวิสัยต่ำ เพราะระบบนำร่องทันสมัย
วันนี้ (15 มี.ค.) สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ยังคงถูกปกคลุมด้วยหมอกควันหนาทึบอย่างต่อเนื่องติดต่อหลายวัน โดยไม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพได้จากระยะไกล และทั่วทุกทิศทางมองเห็นด้วยตาเปล่าเป็นควันที่ขาวขุ่นมัวลอยอยู่ในอากาศได้อย่างชัดเจน โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศเมืองเชียงใหม่จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ยังคงเกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ที่สถานีตรวจวัดตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ และตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ วัดค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น.วันนี้ ได้ 148 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 135 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 85 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งในระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงควรเลี่ยงการออกทำกิจกรรมนอกอาคาร หากจำเป็นควรสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน
ขณะที่จากข้อมูลของเว็บไซต์ www.airvisual.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์วัดคุณภาพอากาศของทั่วโลก พบว่า จากการเปรียบเทียบดัชนีคุณภาพอากาศ หรือค่า US AQI จากหัวเมืองใหญ่จากประเทศต่างๆ ทั่วโลก พบว่า ค่ามลพิษในอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ ยังพบว่าวิกฤตหนักที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ติดต่อกันเป็นวันที่ 5 แล้ว โดยผลการตรวจวัดเมื่อเวลา 10.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย วัดได้ 320 US AQI ส่วนอันดับ 2 เป็นของเมือง Dhaka, Bangladesh วัดได้ 244 US AQI และ อันดับ 3 เมือง Delhi, India วัดได้ 224 US AQI
โดยจากสถานการณ์ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ทัศนวิสัยในการบินของอากาศยานที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ วันนี้ (15 มี.ค.) ลดลงเหลือเพียง 1,800-2,500 เมตร จากวานนี้ต่ำสุดเพียง 3,000 เมตร อย่างไรก็ตาม ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสายการบินในเส้นทางหลักทั้งจากภายในประเทศ และจากต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องของการขึ้นลงของอากาศยาน เนื่องจากทางอากาศยานเชียงใหม่ มีระบบนำร่องการขึ้นลงอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ ที่จะสามารถช่วยนักบินในการนำอากาศยานขึ้นลงได้
อย่างไรก็ตาม จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักบินเป็นหลักในการคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารมาเป็นอันดับแรก หากนักบินเห็นว่าไม่ปลอดภัยจากทัศนวิสัยที่ลดลง สามารถเปลี่ยนเส้นทางการบินไปลงยังท่าอากาศยานที่ปลอดภัยได้ ส่วนเที่ยวบินจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอนในช่วงเช้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สที่มีวันละ 2 เที่ยวบินนั้น มีการยกเลิกไปจนถึงวันที่ 16 มี.ค. 62 เนื่องจากปัญหาทัศนวิสัยที่ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน แต่เที่ยวบินช่วงบ่ายยังสามารถทำการบินได้ปกติ เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาหมอกควัน ทำให้ทัศนวิสัยการบินที่ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอนลดลง
ขณะที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้มีมาตรการในการช่วยแก้ไขสถานการณ์หมอกควันของจังหวัดเชียงใหม่อย่างเต็มที่ โดยมีการนำรถน้ำออกฉีดพ่นล้างทำความสะอาดตามถนนโดยรอบของท่าอากาศยาน รวมทั้งมีการฉีดพ่นน้ำโดยใช้รถดับเพลิง พ่นละอองน้ำเพื่อสร้างม่านน้ำ เพื่อดักจับฝุ่นละอองในอากาศและสร้างความชุ่มชื้นให้กับอากาศเป็นช่วงเวลา ทั้งในพื้นที่นอกเขตการบิน (Landside) วันละ 3 รอบ และในเขตการบิน (Airside) วันละ 2 รอบ เพื่อหวังที่จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของสถานการณ์ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2562 เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
Cr.mgronline
สำนักข่าววิหคนิวส์