เรียกได้ว่าเรื่องราวยอม เสียสาว ก่อนเวลาอันควรนั้น เป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว เพียงแต่จะมีคนที่ยอมรับมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง บางคนก็ยอมเสียสาวให้แฟนหนุ่มหลังจากที่คบหากันเป็นปีๆ แต่ก็มีบางคนยอมมอบกายให้แฟนหนุ่มได้เชยชม ทั้งๆ ที่ยังเรียนหนังสืออยู่เลย นั่นเป็นเพราะว่าผู้หญิงทุกๆ คนมีจุดอ่อนที่เหมือนๆ กันคือ ฮอร์โมนเพศหญิงนั้นเอง เพราะมันจะส่งผลให้คุณรู้สึกว่าต้องการความรัก อยากได้ใครสักคนที่เขารักคุณจริงๆ และเมื่อมีใครสักคนที่มาแสดงตนว่ารักคุณ (อาจจะแกล้งทำ เล่นละครบทใหญ่ก็ได้ ใครจะไปรู้ละ) แต่คุณก็พร้อมที่จะเป็นของเขา เมื่อเขาร้องขอ อันนี้ไม่นับภาวะภายใต้ความมึนเมานะคะ นั้นเป็นเพราะว่าผู้หญิงส่วนใหญ่กลัวว่า ถ้าคุณไม่ยอมเป็นของเขาแล้ว เขาจะไม่รักคุณและไปมีรักใหม่
จากสภาพสังคมส่วนใหญ่(ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าเป็นจังหวัด หรือภูมิภาคใด) เด็กมัธยมศึกษาตอนต้นบางคน รวมถึงเด็กมัธยมศึกษาตอนปลายบางคน ก็มีแฟนและมีอะไรกับแฟนกันตั้งแต่อายุขึ้นต้นด้วยเลข 1 ต้นๆ สำหรับบางคนด้วยซ้ำพอขึ้นมหาวิทยาลัย ก็อาศัยการออกมาอยู่หอพัก เพื่ออยู่กับแฟนดั่งสามีภรรยา จนกลายเป็นเรื่องปกติในกลุ่มเพื่อน ที่สังคมผู้ใหญ่หัวโบราณรับไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น หลายคนที่ยังไม่มีแฟนก็มีภารกิจที่ต้องพิชิตอีกฝ่าย ด้วยการเอาตัวเข้าแลกแล้วมองว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ที่ไหนได้ สุดท้ายปลายทางก็ต้องไปคลอดลูกในห้องน้ำสาธารณะ ทำแท้ง รวมถึงทิ้งเด็กน้อยตาดำๆ เอาไว้ให้เป็นปัญหาสังคม
สมัยโบราณ
ตั้งแต่แรกเกิดจนเป็นหนุ่มเป็นสาว ผู้หญิงทุกคน จะได้รับการเฝ้าระวังและดูแลอย่างเข้มงวดจากพ่อแม่ ญาติพี่น้อง จะยอมให้ผิดประเพณีไม่ได้ การสมสู่ระหว่างผู้หญิงผู้ชายเป็นเรื่องที่คนสมัยโบราณจะมีฤกษ์ยาม และกฎเกณฑ์กว่าการสมสู่ของสัตว์เดียรัจฉานทุกชนิด และทำกันอย่างปกปิดและเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างที่สุด เพราะไม่เพียงแต่ว่ามันเป็นเรื่องที่ควรจะอับอายเท่านั้นก็หาไม่ แต่โบราณถืออย่างเคร่งครัด เป็นเรื่องอัปรีย์ที่จะติดตัวผู้หญิงคนนั้นไปทั้งชีวิต ฉะนั้นจึงต้องกระทำกันอย่างเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ให้ใครรู้ใครเห็น ถ้าขืนทำนอกลู่นอกทางไม่มีกฎเกณฑ์หรือเป็นเรื่องประเจิดประเจ้อแล้วถือว่าเป็นเรื่องอัปมงคลแก่ผู้ประกอบกิจที่ท่านกล่าวว่า ผู้หญิงผู้ชายคู่นั้นอาจจะต้องตายจากกัน หรือเป็นผัวเป็นเมียอยู่ด้วยกันไม่ได้หรือต้องเลิกจากกัน มีปัญหาร้ายแรงในครอบครัว มีอุปสรรคเป็นอย่างมากในการทำมาหากิน เพราะฉะนั้นในการเกิดเป็นคนไทยสมัยโบราณจึงมีกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดมากในเรื่องการสมสู่ และความสนุกสนานทางเพศทั้งผู้หญิงผู้ชาย
ประการแรกที่ผู้หญิงผู้ชายจะต้องสมสู่หรือมีความปรารถนาที่จะสมสู่เพื่อการเป็นผัวเป็นเมียที่จะให้ประสบความสุขความสำเร็จกันนั้น จะต้องกระทำตามกฎคือวันที่แต่งงานที่จะได้เสียกันระหว่างผู้หญิงผู้ชายนั้น ท่านให้แหงนดูท้องฟ้าซึ่งมีดาวหลายดวงโคจรอยู่
สมัยโบราณมีความเชื่อว่า ถ้าวันใดที่ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ แสงที่ร้อนแรงของดวงอาทิตย์จะกลบรัศมีของดวงจันทร์จนหมด ท่านเรียกวันนี้ว่าเป็นวันที่จันทร์ไม่มีแสงหรือหมดแสงเรียกว่า จันทร์ดับหรือตกเข้าวันแรม 15 ค่ำ ท่านห้ามทำพิธีแต่งงานหรือห้ามมีการได้เสียกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย เพราะถือว่าวันที่จันทร์ไม่มีแสงหรือที่เรียกกันว่า Combustion การทำพิธีการใดๆ หรือการสมสู่ได้เสียกันถือว่าเป็น วันอัปมงคลทั้งสิ้น
ถ้ามองว่าสมัยโบราณเป็นความเชย และสมัยนี้เป็นการล้ำสมัย สวนกระแสโลกตะวันตกแล้วล่ะก็ อยากให้มองดูใหม่ว่า ชาวตะวันตกมีปัญหาทำแท้งน้อยกว่าชาติเราไม่รู้กี่เท่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องมองตัวเองใหม่อีกครั้ง ให้เป็นคนดีเพียงพอกับความรัก การทนุถนอมและความหวังดีจากคนที่รักเราที่สุดอย่าง พ่อและแม่ของเราเอง ให้ท่านมีน้ำตาแห่งภาคภูมิใจ ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ…
ขอบคุณบทความ namprix
สำนักข่าววิหคนิวส์