วันที่ 30 มี.ค.65 เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เป็นประธาน เพื่อพิจารณาการแก้กฎหมายลูกในประเด็นหมายเลขผู้สมัครส.ส.เขต กับส.ส.บัญชีรายชื่อ จะใช้เป็นหมายเลขเดียวกันหรือไม่ ก่อนการลงมติที่ประชุมเปิดให้กมธ.ได้ถกเถียงในเหตุผลของแต่ละฝ่าย โดยกมธ.ซีกฝ่ายค้าน จากพรรคเพื่อไทย พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไปทางเดียวกันยืนยันให้ใช้บัตรเลือกตั้งส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นเบอร์เดียวกัน เพื่อง่ายต่อการจดจำของประชาชน และลดจำนวนบัตรเสีย อาทิ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กมธ.จากพรรคเสรีรวมไทย และอดีตกกต.กล่าวว่า การใช้บัตรเบอร์เดียวกัน เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ช่วยให้ไม่สับสน เลือกส.ส.ได้ตรงตามเจตนารมณ์ พรรคการเมืองหาเสียงง่าย และกกต.ก็จัดการเลือกตั้งง่าย ไม่ต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้ง 401แบบ คือส.ส.เขต 400 แบบ และส.ส.บัญชีรายชื่อ 1แบบ และกกต.ไม่ต้องส่งบัตรเลือกตั้งทั้ง 401แบบไปยังการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ซึ่งไม่ใช่เรื่องสนุก ส่วนข้อจำกัดการขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 90 นั้น ต้องถามที่ประชุมรัฐสภาก่อนหน้านี้เหตุใดไม่ยอมแก้มาตรา 90 จนกลายเป็นเงื่อนปมที่ต้องมาตามแก้ อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวสามารถหาทางออกได้ อย่าไปกลัวผิดรัฐธรรมนูญ ถ้ากลัวผิดรัฐธรรมนูญ พอผ่านวาระ 3 แล้ว ก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความได้
ขณะที่กมธ.ฝ่ายรัฐบาลหลายคนยืนกรานว่าบัตรเลือกตั้งส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อต้องเป็นคนละเบอร์กัน เพื่อป้องกันไม่ให้ทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา90 ที่ระบุให้เปิดรับสมัครส.ส.เขตในวันแรกก่อน จากนั้นค่อยสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ อีกทั้งการใช้หมายเลขคนละเบอร์ยังช่วยป้องกันการซื้อเสียงให้ทำได้ยากขึ้น อาทิ นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า บัตรเลือกตั้งเบอร์เดียวทำให้ซื้อเสียงง่ายมาก ต่างจากบัตรเลือกตั้งคนละเบอร์ที่ทำให้ซื้อเสียงยาก ไม่ได้สร้างความยุ่งยากให้ประชาชน แต่สร้างความยุ่งยากให้กับคนที่คิดจะทุจริตมากกว่า ขณะที่นายคารม พลพรกลาง กมธ.จากพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า มั่นใจว่าถ้าใช้บัตรเลือกตั้งเบอร์เดียวกัน จะมีคนไปยื่นเรื่องว่า ทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 90แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กมธ.ถกเถียงแสดงความเห็นครบทุกคนแล้ว กระทั่งเวลา 13.10 น.ที่ประชุมจึงลงมติชี้ขาดในประเด็นดังกล่าว ผลปรากฏว่า กมธ.ลงมติเสียงข้างมากด้วยคะแนน 32ต่อ14 เสียง และงดออกเสียง 1 ให้ใช้บัตรเลือกตั้งส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นคนละเบอร์กัน โดยเสียงกมธ.ฝ่ายรัฐบาลแพ็กกันอย่างเดียวแน่น 32 เสียง จากส.ว. 14 เสียง ครม. 7เสียง พรรคพลังประชารัฐ 5 เสียง พรรคภูมิใจไทย 3 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 1เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 1 เสียงและพรรคเศรษฐกิจไทย 1เสียง ส่วนกมธ.ฝ่ายค้าน 14 เสียง ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย 8เสียง พรรคก้าวไกล 3 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 1เสียง รวมถึงเสียงกมธ.จากพรรคประชาธิปัตย์ที่แบ่งมาให้ 2 เสียง
ภายหลังการประชุม นายสาธิต ปิตะเตชะ ประธานกมธ. ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมพิจารณาใน 2ประเด็นคือเรื่องการแก้เรื่องเขตเลือกตั้งที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ที่ให้คณะทำงานกลับไปทำต่อเรื่องการแก้เขตประเทศเป็นเขตเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อจะมีผลกระทบที่ต้องไปแก้รายมาตราในส่วนอื่นอีกหรือไม่ ส่วนประเด็นการใช้บัตรเลือกตั้งสองใบเป็นเบอร์เดียวกันหรือไม่ โดยที่ประชุมลงมติ 32 ต่อ 14เสียง ให้บัตรเลือกตั้งสองใบเป็นคนละเบอร์ โดยตนงดออกเสียงในฐานะประธานกมธ. จากองค์ประชุม 47เสียง โดยกมธ.จากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และอีกหลายคนขอสงวนความเห็นไว้ ถือว่าการทำงานของกมธ.เดินหน้าตามตารางที่ได้กำหนดไว้
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการเสนอให้ใช้บัตรสองใบเบอร์เดียวกัน เพื่อความสะดวกกับผู้ใช้สิทธิ์ ไม่สร้างความสับสนกับประชาชน แต่การใช้บัตรคนละเบอร์ยิ่งทำให้ผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งไม่ยอมหาเสียงให้พรรคการเมือง และจะยิงลูกโดด การลงมติครั้งนี้เสียงออกมาเป็นกลุ่มเป็นก้อน เชื่อว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับข้อกังวลจะขัดรัฐธรรมนูญ แต่น่าจะกลัวแลนด์สไลด์จากพรรคเพื่อไทยมากกว่า
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ดูผลลงมติที่ออกมา 32เสียงของฝ่ายรัฐบาลแล้ว เชื่อว่า มีการสั่งการจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลให้ลงมติออกมาในทิศทางเดียวกัน เพราะคะแนนออกมาเป็นกลุ่มก้อนเนื้อเดียวกัน ดูแล้วเป็นไปได้ยาก หากไม่มีการสั่งการมา อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะยังสู้ต่อไป จะไปอภิปรายเพื่อคัดค้านในการประชุมรัฐสภา วาระ 2