เรื่องฮอต ประเด็นฮิต » #อ้างชอบธรรม ! สหรัฐ อ้างบุกซีเรียชอบธรรม กว่ารัสเซียบุกยูเครน

#อ้างชอบธรรม ! สหรัฐ อ้างบุกซีเรียชอบธรรม กว่ารัสเซียบุกยูเครน

23 March 2022
379   0

   จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของรัสเซียทูเดย์ ให้เหตุผลว่าทำไมพฤติกรรมของรัสเซียในยูเครนถึงไม่มีความชอบธรรม ต่างจากปฏิบัติการทางทหารต่างๆ ของสหรัฐฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

โบลตัน ไม่เคยมองสงครามของสหรัฐฯ ว่าเป็นสิ่งที่เขารังเกียจ ในอดีตที่ผ่านมา เขาคือผู้สนับสนุนตัวยงต่อปฏิบัติการทางทหารในอิรัก ลิเบีย ซีเรีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ เวเนซุเอลาและอื่นๆ และในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในรัฐบาลประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เขามีบทบาทสำคัญในการอ้างเหตุผลสำหรับรุกรานอิรักในปี 2003 ภายใต้คำกล่าวอ้างที่ว่า ซัดดัม ฮุสเซน ครอบครองอาวุธทำลายล้าง

“แน่นอนว่า การลงมือป้องกันตนเองคือการใช้กำลังที่ชอบธรรม ไม่มีใครตั้งคำถามในเรื่องนี้ และผมคิดว่าการใช้กำลังชิงโจมตีก่อนต่อภัยคุกคามที่แท้จริงที่มีต่อสหรัฐฯ คู่หู และพันธมิตรของเรา เพื่อป้องกันการทำลายล้างชีวิตพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ก็มีความชอบธรรมเช่นกัน” โบลตันกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับรัสเซียทูเดย์

อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธใช้ตรรกะเดียวกันกับการโจมตียูเครนของรัสเซีย ซึ่งทางมอสโกอ้างว่ามีเจตนาเพื่อป้องกันการค่อยๆ คืบคลานแผ่ขยายอาณาเขตของนาโต้เข้าไปยังยูเครน และสกัดแผนของยูเครนในการใช้กำลังกับ 2 ดินแดนที่แยกตัวออกมา ได้แก่ สาธารณรัฐโดเนตสก์ และสาธารณรัฐลูฮันสก์

โบลตันระบุว่า ถ้อยแถลงต่างๆ ของรัสเซียนั้น เป็นเพียง “ข้ออ้าง” สำหรับปฏิบัติการรุกรานที่ไม่ชอบธรรมและพยายามพิชิตดินแดนยูเครน “ผมคิดว่า สิ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คิดก็คือ เขากำลังทำเรื่องดีๆ ในสิ่งที่เขาเคยพูดในปี 2005 เกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพสหภาพโซเวียต” โบลตัน กล่าว

ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าถ้อยแถลงใดที่ โบลตัน อ้างถึง โดยในปี 2005 ประธานาธิบดีปูติน เคยเรียกการล่มสลายของมหาอำนาจคอมมิวนิสต์ว่าเป็น “หายนะทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งเลวร้ายที่สุดของยุคศตวรรษที่ 20” ในแง่ที่มันนำมาซึ่งหายนะทางเศรษฐกิจและก่อความทุกข์ยากแก่พลเรือนของสหภาพโซเวียตหลายล้านชีวิต อย่างไรก็ตาม ปูติน เคยเน้นย้ำในหลายๆ วาระ คงไม่มีทางกอบกู้สหภาพโซเวียตกลับมา

เมื่อเปรียบเทียบระหว่างสถานการณ์ในอิรักกับในยูเครน โบลตันปฏิเสธยอมรับว่าจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตจากฝีมือของรัสเซียมีน้อยกว่า และในทางกลับกัน เขาเน้นย้ำว่า “มีพลเรือนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากในยูเครน”

ทั้ง 2 ความขัดแย้ง ตัวเลขความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับพลเรือนยังคงคลุมเครือ โดยข้อมูลจากโครงการอิรักบอดี้เคาน์ ซึ่งเป็นความพยายามบันทึกการเสียชีวิตของพลเรือนอันเป็นผลมาจากการรุกรานอิรัก ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตในปฏิบัติการนองเลือดของพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ปี 2003 ในช่วง 4 สัปดาห์แรก อย่างน้อยๆ 6,842 คน ขณะที่สหประชาชาติรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตในยูเครน 726 คน ในปฏิบัติการรุกรานของรัสเซีย ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึง 15 มีนาคม

โบลตัน ไม่เชื่อในแนวคิดที่ว่าทหารรัสเซียอาจพูดความจริง กรณีที่อ้างว่าไม่ได้ใช้กำลังขั้นสูงสุดในยูเครน เพื่อป้องกันการสูญเสียโดยไม่จำเป็น

“สไตล์การทำสงครามของรัสเซียกำลังทำให้ทั่วโลกช็อก” โบลตันกล่าว “นี่คือรูปแบบที่โหดร้ายมากของสงคราม และรัสเซียจะไม่บรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ อย่างน้อยๆ อัตราการรุกคืบและความสูญเสียระดับสูงที่เกิดขึ้นกับฝ่ายรัสเซีย ตามคำกล่าวอ้างของยูเครน คือหลักฐานของความไร้ความสามารถของกองทัพรัสเซียและหน่วยข่าวกรองด้านการทหาร”

(ที่มา : รัสเซียทูเดย์)