11 ก.ย.2565 – ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี แกนนำพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเกี่ยวกับน้ำท่วม โดยมีรายละเอียดดังนี้
ก่อนอื่นก็ต้องแสดงความเห็นใจชาวจังหวัดปทุมธานีฝั่งตะวันออกหรือฝั่งรังสิตที่เกิดน้ำท่วมแบบที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นมาได้ ผมได้หารือผู้เชี่ยวชาญหลายท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. อภิชาติ อนุกูลอำไพ ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาเรื่องน้ำของผม และก็เคยเป็นที่ปรึกษาในรัฐบาลก่อนๆมาแล้ว
เพื่อให้ง่าย ผมขอยกความเห็น ดร.อภิชาติ ดังนี้ “ระยะนี้รัฐบาลและหน่วยงานรับผิดชอบเรื่องน้ำกำลังวิตกจริตกลัวซ้ำรอยปี 54 ที่ไปอ้างคำสั่งทางการเมืองของรัฐบาลเดิมที่ให้เก็บน้ำไว้ในเขื่อนจนมากเกินไป ก่อนช่วงฝนตกหนักน้ำในเขื่อนใหญ่มีน้ำอยู่ถึง 80% ดังนั้นพอฝนตกหนักในเดือนกันยายนปี 54 รัฐบาลใหม่ซึ่งเพิ่งทำหน้าที่จึงต้องยอมให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตปล่อยน้ำส่วนเกินออกจากเขื่อน แต่ในปัจจุบันน้ำในเขื่อนมีเพียง 50% เลยไม่เข้าใจว่า ทำไมรัฐบาลและคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติจึงต้องเร่งระบายน้ำลงมาโดยเฉพาะจากเขื่อนป่าสักจนท่วมทุ่งรังสิตและบ้านเรือนแถวดอนเมือง ทั้งๆที่บริบทของปริมาณนำ้ต่างกับปี 54 อย่างสิ้นเชิง ช่วงนี้มีแต่ฝนเท่านั้น ไม่ได้มีน้ำมากมายไหลลงมาจากทางเหนือ แต่รัฐบาลกลับนำน้ำมาท่วมเสียเอง” ผมจึงมีคำถามในเรื่องนี้ว่า ใครเป็นคนสั่งให้ระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักและน้ำจากแม่น้ำนครนายกมาลงทุ่งรังสิต มีจุดหมายทางการเมืองอะไรหรือไม่ และการย้ายเครื่องสูบน้ำจากเขื่อนที่คลองรังสิตถึง 10 เครื่องเพื่อจะเอาไปใช้ที่ใด มีความจูงใจทางการเมืองหรือเปล่า
เรื่องต่อไปที่ทำให้การระบายน้ำจากทิศเหนือและทิศตะวันออกของกทม. มีอุปสรรคมากขึ้นก็เพราะรัฐบาลนี้ต้องการแก้ปัญหาทางสังคมในเรื่องการบุกรุกคูคลองแบบมักง่าย คือการถมตลิ่งทำเขื่อนและก่อสร้างอาคารริมคลองลาดพร้าวและคลองเปรมประชากรให้กับผู้บุกรุก ซึ่งพวกท่านชื่นชมและเรียกว่า mission impossible ผลที่ตามมาก็คือ คลองเล็กลง สิ่งก่อสร้างขวางทางน้ำ การระบายน้ำทำได้ช้า สุดท้ายน้ำก็ท่วมโซนทางเหนือของกรุงเทพฯอย่างที่เป็นอยู่ วันนี้ยังไม่สายเกินไป รัฐบาล(รักษาการ)ต้องทบทวนเรื่องนี้โดยด่วน และหากเลิกส่วนไหนได้ก็ต้องเลิก อย่าทิ้งให้เป็นปัญหาของรัฐบาลต่อๆไป
ในภาพกว้าง ผมก็ขอย้ำอีกครั้งต่อหน่วยราชการทั้งหลายว่า อย่าต่างคนต่างทำ เช่น กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบทก็ยกถนนให้สูงพ้นน้ำ ขณะที่กรมโยธาธิการก็ทำเขื่อนกั้นน้ำ ฝ่ายทหารก็ขุดลำน้ำแล้วก็เอาดินไปกองไว้ข้างๆซึ่งสุดท้ายก็ไหลกลับลงมาอีก (สมัยหนุ่มๆ ผมเป็นหัวหน้าแผนกช่าง และหัวหน้าแผนกบูรณะแหล่งน้ำ ผมสั่งไม่ให้ทำแบบนี้เด็ดขาด) ขอให้จำไว้ “น้ำต้องมีที่อยู่ ที่ไป” คำๆนี้ใช้ปฎิบัติเป็นบทบัญญัติ (Doctrin) มานานนับ 1000 ปีแล้ว ภาษาโรมันเขียนว่า “ Room for the River” ซึ่งผมจำได้ว่า พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเน้นเรื่องนี้เสมอ
ขณะนี้ผมเห็นว่า การบริหารจัดการการระบายน้ำเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมของภาคกลางตอนล่างรวมถึงกทม. ล้มเหลว เรายังต้องเผชิญกับน้ำฝนต่อไปอีก 1-2 เดือน ดังนั้น จึงขอให้ผู้บริหารของประเทศได้ทบทวนนโยบายและมาตรการต่างๆโดยด่วน วันนี้การบริหารจัดการน้ำทำให้น้ำท่วม ไม่ใช่น้ำท่วมโดยธรรมชาติแต่อย่างใด (ผู้ว่าหมูป่า จังหวัดปทุมธานีก็ประกาศยอมรับแล้ว)