เมื่อเวลา 13.55 น. วันที่ 4 ก.ย. 2567 ที่รัฐสภานายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์หลังได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นรมว.อุตสาหกรรม และถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เพราะเคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มกปปส.ว่า ตนยินดีรับฟังทุกความเห็น เราเป็นนักการเมืองก็ต้องรับฟัง ซึ่งตนก็ต้องพิสูจน์ตัวเองในการทํางานด้วย และยืนยันว่ายังยึดมั่นในอุดมการณ์ทุกอย่างที่ได้ประกาศไว้
ผู้สื่อข่าวถามว่าเริ่มมีการขุดภาพที่นายเอกนัฏ ไปร่วมเวที กปปส. ขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายเอกนัฏ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้เป็นเรื่องของบ้านเมือง ผลงานกับกาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่า หลายคนที่มีจุดยืนทางการเมืองก็มีวิธีต่างกัน แต่สำหรับตนและพรรครวมไทยสร้างชาติก็ต้องเลือกทางออกที่เชื่อว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด บางทีก็เป็นทางออกเดียว และเรายืนยันจุดนี้มาตลอด ในการปกป้องสถาบันหลักของประเทศ
เมื่อถามว่าจะทำให้เสียแนวร่วมเดิมไปหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่พูดได้แค่ส่วนตัวของเรา และทุกความคิดเห็น ไม่ว่าจะด่าหรือติชมก็ต้องรับฟัง แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมา 20 ปี ตนยึดมั่นอุดมการณ์ทำงานให้ประชาชน และหลังจากนี้ต่อไป จะทำงานให้เต็มที่ ให้คุ้มค่ากับโอกาสที่ได้รับมา
ส่วนที่หลายคนวิจารณ์ว่าเป็นการหักอุดมการณ์ของตัวเอง ตนก็เข้าใจ เพราะเราอยู่ในอาชีพนี้ การตัดสินใจต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราเลือกทางที่ดีที่สุด และต้องเข้าใจว่าเวลานี้ภัยคุกคามของประเทศเปลี่ยนแปลงไป เป็นจังหวะสำคัญที่เราทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาให้กับประเทศ ซึ่งตนประกาศไว้ตั้งแต่หาเสียงเลือกตั้ง
“พูดไว้เสมอว่า ใครก็ตามที่มีความคิด มีจุดยืน และมีอุดมการณ์เดียวกัน เราก็ทำงานร่วมมือกัน” นายเอกนัฏ กล่าว
เมื่อถามว่าสามารถทำงานร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้อย่างสนิทใจใช่หรือไม่ นายเอกนัฏยิ้มและกล่าวว่า เราก็ต้องทํางาน ถ้าคิดถึงบ้านเมืองเป็นหลักก็สามารถทำงานร่วมกันได้ เราไม่ได้ลืม เราไม่ได้ลบ แต่เราเลือก จากนี้ไปจะเดินหน้าทำงานให้ประชาชน ไปสู่อนาคต
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนํา กปปส. หรือยัง นายเอกนัฏ ยิ้มและส่ายศีรษะ พร้อมกล่าวว่า ที่ผ่านมาก็คุยกับทุกคนตามปกติ ทั้งคนที่หวังดีและไม่ดี แต่ส่วนตัวเข้าใจ และที่ผ่านมาตนไม่อยากพูดมาก แต่เราก็รับฟังคนที่ตำหนิเรามาตลอด เข้าใจว่าเขามีปรารถนาดี และเรานำไปปรับปรุงตัว ยํ้าว่าอุดมการณ์ของตัวเองไม่เคยเปลี่ยนแปลง
นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่า ส่วนคุณสมบัติรัฐมนตรีของตัวเอง ก็เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล และตนเชื่อว่ากระบวนการตรวจสอบก็เป็นอย่างนั้น ไม่มีประโยชน์ที่จะไปพูดถึงอีก เพราะตอนนี้เราเดินหน้าทำงานอย่างเดียว