ข่าวประจำวัน » ข่าวเด่น » #อ้างรัฐบาลอำพราง ! วิโรจน์ ซัดก่อกรรมทำเข็น ทำคนตายจำนวนมาก

#อ้างรัฐบาลอำพราง ! วิโรจน์ ซัดก่อกรรมทำเข็น ทำคนตายจำนวนมาก

29 July 2021
607   0

    วันที่ 28 ก.ค.64 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร  ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีหนังสือ สธ 0211.021/15965 ลงวันที่ 23 ก.ค. ที่ระบุในตอนหนึ่งว่า ให้ยกเลิกการทำการตรวจคัดกรองเชิงรุก (Active Case Finding) ด้วยวิธี RT-PCR โดยให้ใช้ Antigen Test Kit (ATK) ซึ่งให้ผลเร็วกว่าแทน และหากพบผลเป็นบวก จะยังไม่นับรวมเป็นผู้ป่วย ไม่ต้องรายงานในระบบโรคติดเชื้อนั้น ว่า ในการใช้ ATK ที่ทราบผลภายในระยะเวลาเพียง 30 นาที เพื่อตรวจคัดกรองเชิงรุก จะทำให้สามารถแยกเอาผู้ติดเชื้อออกจากครอบครัว และชุมชน รวมถึงเพื่อให้เขาสามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาได้โดยเร็ว ทั้งยังเป็นการสกัดกั้นการระบาดของโรค และลดอัตราการเสียชีวิตของประชาชนได้ ซึ่งพรรคก้าวไกลได้เสนอแนวคิดนี้มาโดยตลอด เพราะเป็นวิธีที่จะทำให้รัฐบาลสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ผู้ติดเชื้อสามารถเข้าถึงยาต้านไวรัส และยารักษาโรคตามอาการต่างๆ ตามการวินิจฉัยของแพทย์ได้ โดยที่ไม่ต้องรอผลตรวจจากวิธี RT-PCR ซึ่งหลายกรณีต้องใช้เวลารอคอยนานกว่า 3 วัน

นายวิโรจน์ กล่าวว่า จากแนวเวชปฏิบัติของกรมการแพทย์เมื่อวันที่ 21 ก.ค.2564 ระบุชัดว่าผู้ติดเชื้อหากได้รับยา Favipiravir ภายใน 4 วันนับจากวันเริ่มมีอาการ ผู้ป่วยจะมีแนวโน้มตอบสนองต่อการรักษาได้ดี หมายความว่าโอกาสที่จะเปลี่ยนจากผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียวเป็นกลุ่มสีเหลือง หรือกลายเป็นผู้ป่วยสีแดงที่มีอาการหนัก ก็จะลดลง รวมถึงโอกาสที่จะเสียชีวิตก็จะลดลงตามไปด้วย และในแนวเวชปฏิบัติฉบับนี้ ยังระบุอีกด้วยว่า ผู้ที่ตรวจด้วยชุด ATK แล้วพบผลเป็นบวก จะต้องได้รับการรักษาเสมือนผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ระหว่างที่รอตรวจวินิจฉัยยืนยันด้วยวิธี RT-PCR หรือการวินิจฉัยอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ตามสภาพการณ์จริงในปัจจุบัน แม้มีสถานพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์จำนวนหนึ่งได้ปรับระบบงานธุรการ โดยเฉพาะระบบการจ่ายยา เพื่อให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงยา Favipiravir ได้เร็วขึ้นแล้ว แต่ยังพบว่าโรงพยาบาลในสังกัดอื่นๆอีกเป็นจำนวนมากไม่ยึดตามแนวปฏิบัตินี้ ทำให้กว่าแพทย์จะพิจารณาจ่ายยา Favipiravir ได้ แม้ผู้ติดเชื้อจะรู้ผลจากการตรวจด้วยชุดตรวจ ATK แล้วก็ตาม แต่การจ่ายยายังคงต้องรอคอยงานเอกสารธุรการการลงทะเบียน และการตรวจยืนยันด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งกินระยะเวลาการรอคอยที่ยาวนาน ทำให้ผู้ป่วยในกลุ่มสีเขียว โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มที่มีโรคประจำตัว มีอาการหนักขึ้น และเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะเสียชีวิต

“ในประเด็นดังกล่าวนี้พรรคก้าวไกล จึงขอเรียกร้อง ไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. และนายกฯ ให้เร่งสั่งการอย่างเป็นทางการเพื่อทำให้ระบบการจ่ายยา และระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่ต่างสังกัดก็ต่างทำ แบบที่เป็นอยู่”

นายวิโรจน์ กล่าวว่า หากไม่วางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อให้ผู้ติดเชื้อกันตัวเองออกจากครอบครัวและชุมชนได้อย่างรวดเร็ว และเข้าถึงยา และการรักษาตามการวินิจฉัยของแพทย์อย่างทันท่วงที การควบคุมการระบาด ก็จะขาดประสิทธิภาพ กลายเป็นภาระของระบบสาธารณสุข และการสูญเสียชีวิตของประชาชนก็จะเพิ่มมากขึ้นจากการที่กลุ่มผู้ป่วยสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และแดง

“เรื่องหนึ่งที่น่าเป็นกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับหนังสือ สธ 0211.021/15965 ก็คือ เมื่ออ่านดูในข้อที่ 5 เนื้อหาในคำสั่งนี้เหมือนมีเจตนาที่จะไม่บันทึกผลตรวจจากชุดตรวจ ATK ในสารบบเลย จึงอาจเข้าข่ายเป็นพฤติกรรมที่พยายามปกปิดอำพรางจํานวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริง ซึ่งนอกจากจะเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงกับประชาชนแล้ว ยังจะเกิดความเสียหายอย่างมากกับการตัดสินใจเชิงนโยบายในอนาคต” นายวิโรจน์ กล่าว

ทั้งนี้ โฆษกพรรคก้าวไกลยังได้เสนอให้กระทรวงสาธารณสุข จัดทำระบบรายงานการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้ชัดเจนโดยแบ่งออกมาเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1. รายงานการตรวจ และผลการตรวจด้วยวิธี RT-PCR

2. รายงานการตรวจ และผลตรวจด้วยชุดตรวจ ATK อย่างเดียว โดยไม่ได้ยืนยันซ้ำด้วยวิธี RT-PCR

3. รายงานการตรวจ RT-PCR ยืนยันผลตรวจจากชุดตรวจ ATK เพื่อที่ประชาชนจะได้ทราบถึงอัตราการเกิด False Positive

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยืนยันว่า การที่จะประคับประคองสถานการณ์ในช่วงวิกฤติระหว่างการรอคอยวัคซีนที่มีคุณภาพสูงต่อเชื้อกลายพันธุ์เพื่อนำมาฉีดให้กับประชาชน ต้องอาศัยความรวดเร็ว และความจริงเท่านั้นที่จะนำพาประชาชนผ่านพ้นวิกฤตไปได้ และเกิดความสูญเสียที่น้อยที่สุด แต่ถ้ารัฐบาลยังคงใช้การปกปิดอำพราง และยังคงยึดติดกับระบบรัฐราชการรวมศูนย์ ที่มีแต่ความเชื่องช้า ต่างสังกัดต่างทำไม่มีมาตรฐานเดียวกัน ก็จะเป็นการก่อกรรมทำเข็ญกับประชาชนแบบไม่สิ้นสุด และจะทำให้ประชาชน โดยเฉพาะคนตัวเล็กตัวน้อย ต้องล้มตายเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ซึ่งยืนยันได้ว่านี่ไม่ใช่ความโชคร้ายของพวกเขาเอง แต่เกิดจากเป็นความบกพร่องอย่างอำมหิตของรัฐบาล